ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ปลดนายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ อย่างกะทันหัน เมื่อวันอังคาร (10 ก.ย.) หลังเกิดความขัดแย้งกันอย่างหนัก เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศ
ทรัมป์ทวีตข้อความว่า เขาบอกกล่าวกับโบลตัน เมื่อคืนวันจันทร์ ว่า การทำงานของโบลตันไม่เป็นที่ต้องการของทำเนียบขาวอีกต่อไป และโบลตันได้ยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง ในตอนเช้าวันอังคาร และทวีตข้อความส่วนตัวว่า เขาขอลาออกเมื่อวันจันทร์ และทรัมป์กล่าวว่า “เอาไว้คุยกันในวันพรุ่งนี้”
ทรัมป์กล่าวว่า เขาและหลายคนในคณะรัฐมนตรี “ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง” กับคำแนะนำมากมายของโบลตัน ในฐานะที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ
โบลตัน ซึ่งเป็นแกนนำสายเหยี่ยวด้านนโยบายต่างประเทศ และเป็นที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติคนที่ 3 ของทรัมป์ เป็นที่ทราบกันดีในวงกว้างว่า ได้กดดันทรัมป์ให้ใช้วิธีการแข็งกร้าว จัดการกับหลายประเด็นปัญหา เช่น เกาหลีเหนือ อิหร่าน รัสเซีย หรืออัฟกานิสถาน
โบลตันเข้ารับตำแหน่งที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ ในเดือน เม.ย. 2561 แทนที่ พล.ท. เอช. อาร์. แม็คมาสเตอร์ และมีรายงานเกิดความขัดแย้งกันหลายครั้ง กับนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ซึ่งเป็นหนึ่งในนักการเมืองคนสนิทของทรัมป์
การปลดโบลตันมีขึ้นในขณะที่รัฐบาลสหรัฐของทรัมป์ พยายามสร้างภาพลักษณ์ที่ดีบนเวทีโลก และทรัมป์กำลังเผชิญกับการตัดสินใจที่กดดัน ในหลายประเด็นนโยบายต่างประเทศสำคัญ และมีขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ ก่อนถึงการประชุมประจำปี สมัชชาใหญ่องค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นจีเอ (United Nations General Assembly)
แหล่งข่าวในทำเนียบขาวเผยว่า บางครั้งทรัมป์จะตลกล้อเลียนโบลตัน ที่มีภาพลักษณ์เป็นผู้กระหายสงคราม โดยทรัมป์พูดกลางวงที่ประชุมในห้องทำงานรูปไข่ ภายในทำเนียบขาว ครั้งหนึ่งว่า “จอห์นไม่เคยเห็นสงครามครั้งไหน ที่เขาไม่ชอบ”