เจ้าของบ้านในสวนปทุมวนานุรักษ์ เปิดใจแจงเหตุไม่ยอมย้ายเพราะไม่มีที่ไป ยืนยันพร้อมย้ายออกหากมีที่อยู่ที่ทำมาหากินให้
จากกรณี สวนปทุมวนานุรักษ์ ปอดแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ ที่เอกชนดำเนินการสร้างด้วยการเช่าที่ดินทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เริ่มต้นสร้างตั้งแต่ปลายปี 2560 มีพื้นที่จำนวนกว่า 40 ไร่ เตรียมเปิดเป็นสวนสาธารณะ ช่วงปลายปี 2561 แต่จนถึงบัดนี้ ยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้ เหตุผลที่ว่า เพราะมีบ้านสังกะสี 3 หลังที่ยังไม่ยอมย้ายออกนอกพื้นที่
ล่าสุดวันที่ 10 ก.ย. ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจภายในสวนปทุมวนานุรักษ์ พบกับนายประเทือง เครือนิล อายุ 52 ปี หนึ่งในผู้อาศัยอยู่ในสวนปทุมวนานุรักษ์ โดยนายประเทือง เล่าว่า เดิมที่ชุมชนแห่งนี้เรียกว่าชุมชนโรงปูน มีบ้านเรือนในชุมชนกว่า 1,000 หลังคาเรือน อาศัยอยู่กันเป็นครอบครัวอย่างมีความสุข เพื่อนบ้านข้างๆก็ไปมาหาสู่กันเหมือนคนในครอบครัว กระทั่งเมื่อ 7 ปีก่อน มีการฟ้องร้องไล่ที่กัน เนื่องจากเป็นที่ดินสาธารณะ จะมีการปรับปรุงให้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ
หลายครอบครัวทยอยย้ายออกไปเพราะได้เงินเยียวยา แต่ครอบครัวของตนเองอาศัยอยู่ที่นี่มานานกว่า 30 ปี หากถูกให้ย้ายออกจากที่นี่ก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน เพราะปกติก็ใช้ชีวิตอย่างลำบากมาโดยตลอด เนื่องจากต้องขายข้าวไข่เจียวเพื่อหาเงินมารักษาแม่ในวัย 74 ปี ที่กำลังป่วยอยู่ รวมถึงหาเงินมาส่งลูกหลานเรียนหนังสือ จึงอยากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาให้การช่วยเหลือ ยืนยันว่าพร้อมที่จะย้ายออก หากมีที่ให้อยู่อาศัยและที่ทำมาหากินให้
อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวได้พูดคุยกับชาวบ้านในละแวกนั้น บางส่วนบอกว่า บ้านบางหลังที่ไม่ยอมย้ายออกไป บางคนก็ตั้งใจที่จะรอเอาเงินชดเชยจำนวนมหาศาล ซึ่งก็เคยอธิบายไปว่า ไม่ใช่ที่ดินของตนเอง คงไม่มีทางได้ แต่เจ้าของบ้านบางคน ก็ยืนกรานที่จะอยู่ต่อ