“พระมหาไพรวัลย์”รู้สึกตลก สังเวช คนวิจารณ์ภาพวาดพระอุลตร้าแมน

2019-09-09 12:50:40

“พระมหาไพรวัลย์”รู้สึกตลก สังเวช คนวิจารณ์ภาพวาดพระอุลตร้าแมน

Advertisement

“พระมหาไพรวัลย์ “ระบุกรณีภาพวาดพระอุลตร้าแมน รู้สึกตลก สังเวช เวทนาไปพร้อมกัน เวลาใครทำอะไรไม่เหมือนตนเองหรือคนกลุ่มใหญ่ จะต้องใช้ความอคติเข้าไปตัดสินว่าคนพวกนี้ไม่มีความรัก ไม่มีความศรัทธา ชี้ถ้าพระพุทธเจ้ายังมีพระชนม์ชีพอยู่ ท่านจะต้องไม่ยอมให้ใครมาขอขมาท่าน เพียงเพราะคนนั้นนับถือท่านในมุมมองที่ต่างจากคนอื่น

จากกรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์ผลงานพระพุทธเจ้าอุลตร้าแมน ของนักศึกษาหญิงคนหนึ่ง ชั้นปีที่ 4 หลักสูตรศิลปศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ซึ่งจัดแสดงที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมานั้น

เมื่อวันที่ 9 ก.ย. พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก กรณีภาพวาดพระอุลตร้าแมน ว่า มีประเด็นที่อาตมาอยากจะชวนคิดต่อนะ คืออาตมารู้สึกทั้งตลกและสังเวชเวทนาไปพร้อม ๆ กัน เวลาที่ได้อ่านคอมเม้นต์ของคนพุทธบางกลุ่ม ซึ่งมักจะใช้วิธีการโจมตีคนอื่น ที่คิดไม่เหมือนกับตัวเองว่า ไม่ปกป้องพระพุทธเจ้าบ้าง ไม่รักพ่อตัวเองบ้าง หรือแม้แต่เลยเถิดไปจนถึงว่าอกตัญญูและเนรคุณ เห็นวิธีคิดแบบนี้แล้วอาตมานึกถึงสมัยพุทธกาล ตอนที่พระพุทธเจ้ายังมีพระชนม์ชีพอยู่ ก็มีคนประเภทแบบนี้เยอะเหมือนกัน เป็นพระด้วยนะ คือคนประเภทว่า ถ้าเห็นใครไม่ทำอะไรเหมือนตนเองหรือเหมือนคนกลุ่มใหญ่ ก็จะต้องใช้ความอคติเข้าไปตัดสินทันทีว่า คนพวกนี้ไม่มีความรัก ไม่มีความศรัทธา วิธีคิดและพฤติกรรมของคนประเภทนี้มีมานานแล้ว มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลเลยทีเดียว


พระมหาไพรวัลย์ ระบุต่อว่า มีเรื่องเล่าของพระติสสะ ที่อาตมาอยากจะยกขึ้นมาสาธกให้ฟัง คือตอนที่พระพุทธเจ้าประกาศจะปรินิพพานภายในอีก 4 เดือนข้างหน้า ปรากฏว่าพระรูปอื่น พอได้ยินแบบนี้ ก็พากันไปเฝ้าแหนติดตามพระพุทธเจ้าอยู่ทุกที่ไป มีเพียงพระติสสะรูปเดียว ที่คิดต่าง คือพอท่านรู้ว่าพระพุทธเจ้าใกล้จะปรินิพพาน ท่านตีตัวออกจากพระรูปอื่นทันที อยู่คนเดียวในอิริยาบท 4 ตั้งใจที่จะบำเพ็ญเพียรเพื่อให้บรรลุธรรม และแน่นอนโยมน่าจะเดาถูก พอพระติสสะ ไม่เข้าสมาคมไม่ไปเฝ้าแหนพระพุทธเจ้า ไม่เกาะกลุ่มปรึกษาอยู่กับพระสงฆ์รูปอื่นอื่น ปรากฏว่า พระส่วนใหญ่ ไปตีความว่าพระติสสะ เป็นคนไม่มีความรักต่อพระพุทธเจ้า (อกตัญญู) แล้วก็นำเรื่องนี้ไปฟ้องพระองค์ พระพุทธเจ้าท่านเป็นคนมีเหตุผลนะ เวลามีเรื่องอะไร ท่านจะเรียกคนที่ถูกกล่าวหามาถามก่อน ถามให้ได้ความสัตย์แล้วจึงค่อยตัดสิน นี่คือคนแบบพระพุทธเจ้า คือท่านไม่เชื่อคำฟ้อง ไม่เชื่อคำกล่าวหาของใครง่ายง่าย พอเรียกพระติสสะมาตรัสถามได้ความ แทนที่พระพุทธเจ้าจะตำหนิพระติสสะตามคำกล่าวหาของพระส่วนใหญ่ ท่านกลับตรัสสอนพระส่วนใหญ่ที่ไปฟ้องเสียเองว่า ถ้ารักพระองค์จริง ก็ควรเป็นแบบพระติสสะเถอะ นี่พระพุทธเจ้าท่านเป็นแบบอย่างที่ดีมากเลย ท่านเปิดโอกาสให้คนได้พูด ได้อธิบาย น่าเสียดายที่คนพุทธในสังคมนี้ ซึ่งอ้างว่าเคารพศรัทธาท่านนักหนา ไม่เอาเป็นแบบอย่างในเรื่องนี้เลย

พระมหาไพรวัลย์ ระบุอีกว่า ที่สำคัญมีเรื่องที่ควรจะต้องรู้ไว้ก็คือว่า ถ้าใครก็ตามซึ่งอ้างความรักความศรัทธาต่อตัวท่านในทางที่ผิด ท่านตำหนิหมด ท่านไม่ใช่ว่าจะเห็นด้วยนะ ไม่ใช่ว่าอ้างว่ารักท่านแล้วจะทำอะไรก็ได้ พระวักกลิ นี่หลงในรูปกายของพระองค์มาก ตามส่องดูอยู่ทุกที่ที่ไป แต่ทรงเห็นว่า การที่พระวักกลิทำแบบนี้ ไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์ของตัวพระวักกลิเอง ถึงกับตรัสไล่ให้ไปให้พ้นในตอนแรกเลยทีเดียว อนาถบิณฑิกเศรษฐี เคารพรักท่านมาก ถึงขนาดไม่กล้าทูลถามปัญหาสักคำหนึ่ง เพราะกลัวว่าท่านจะลำบากใจ พระพุทธเจ้ารู้อย่างนั้น ก็ตำหนิความรักความเคารพเช่นนั้นของอนาถบิณฑิกเศรษฐีอีก ท่านบอกว่าที่ท่านบำเพ็ญบารมีมาถึงขนาดนี้ ก็เพื่อต้องการอยากจะแสดงธรรมต่อคนอื่น แต่ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กลับปกป้องท่านในฐานะที่ไม่ควรจะปกป้อง (รักในทางที่ไม่ถูก)

“อาตมาเห็นปรากฎการณ์จากเรื่องพระอุลตราแมนแล้ว อาตมานึกถึงเรื่องเล่าเหล่านี้ในสมัยที่พระพุทธเจ้าท่านยังอยู่เลยนะ นึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ นึกถึงว่า ถ้าท่านยังมีพระชนม์ชีพอยู่ ท่านจะต้องไม่ยอมให้ใครมาขอขมาท่าน เพียงเพราะคนคนนั้นนับถือท่านในมุมมองที่ต่างจากคนอื่น และเพียงเพราะว่าคนคนนั้นถูกกล่าวหาจากคนส่วนใหญ่ พระพุทธเจ้าไม่ใช่คนเช่นนั้นแน่ ๆ” พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ 

ขอบคุณเฟซบุ๊ก พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ