โดนขริบหนังหุ้มปลายองคชาต !! ทรมานปานตกนรก ขอเลือกตายเสียดีกว่าอยู่

2019-09-08 21:00:01

โดนขริบหนังหุ้มปลายองคชาต !! ทรมานปานตกนรก ขอเลือกตายเสียดีกว่าอยู่

Advertisement

คนเป็นพ่อเป็นแม่จะรู้สึกตกใจมากแค่ไหน เมื่ออยู่ๆ ก็ได้รับข้อความลาตายของลูกชายส่งมาทางอีเมล ทั้งหมดอาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดหรือเป็นเพียงการล้อเล่นของใครบางคนก็เป็นได้ แต่มันมิใช่เรื่องที่จะมองเป็นเล่นๆ ได้ เพราะจดหมายสั่งลาอิเล็กทรอนิกส์ของลูกชายฉบับนี้มันคือเรื่องจริง ทั้งนี้ ข้อความในอีเมลนี้ได้เขียนเอาไว้ว่า ...  

“เป็นอันชัดเจนแล้วว่า เมื่อใดที่พวกคุณได้รับอีเมลฉบับนี้ นั่นหมายถึงชีวิตของผมได้จบลงแล้ว แต่แท้จริงแล้วผมได้ตายไปตั้งแต่ ปี ค.ศ. 2015 ซึ่งมันไม่ใช่ตอนนี้" 




อเล็กซ์เป็นลูกชายคนโต จากทั้งหมดสามคน

"เลสลีย์ โรเบิร์ตส์" ต้องตกตะลึงเมื่อได้อ่านอีเมลฉบับสุดท้ายที่ "อเล็กซ์ ฮาร์ดี" ลูกชายสุดที่รักส่งถึงเธอ เขาตั้งเวลาให้เธอได้รับอีเมลในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2017 สิบสองชั่วโมงหลังจากเขาฆ่าตัวตาย



"อเล็กซ์" เป็นคนหนุ่มในวัย 23 ปีที่ชาญฉลาดและเป็นที่ชื่นชอบ เขาไม่เคยมีประวัติว่ามีอาการป่วยทางจิต นี่ทำให้เลสลีย์ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมลูกชายถึงได้ตัดสินใจปลิดชีวิตตัวเอง


อเล็กซ์ ฮาร์ดี ส่งอีเมลบอกเล่าเรื่องราวที่เขาไม่เคยเปิดเผยมาก่อนให้แม่ฟัง

ในอีเมลของอเล็กซ์ เขาอธิบายถึงเรื่องที่เขาได้รับการขริบหนังหุ้มปลายองคชาต ซึ่งคือการตัดหนังหุ้มปลายอวัยะเพศออกไปเมื่อสองปีก่อน อเล็กซ์มองสิ่งนี้ว่าทำให้ “อวัยวะสืบพันธุ์ต้องพิการ”



แต่ว่าอเล็กซ์ไม่เคยบอกกล่าวเรื่องนี้กับคนรอบข้าง และแม่ของเขาก็ไม่เคยรู้เลยว่าลูกชายคนโตจากทั้งหมดสามคนได้รับการขริบ หลังอเล็กซ์เสียชีวิต เลสลีย์เพียรพยายามหาคำตอบว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น


หนูน้อยอเล็กซ์ผู้น่าเอ็นดู

เลสลีย์เล่าว่าลูกชายเป็นเด็กเรียนดีและมีพรสวรรค์ ตอนอายุ 14 ปี เขาไปเล่นสกีที่แคนาดาและหลงใหลในประเทศนี้ จนเมื่อมีอายุได้ 18 ปี อเล็กซ์ตัดสินใจว่าจะยังไม่เข้ามหาวิทยาลัย แต่ได้เดินทางไปแคนาดาเป็นเวลาหนึ่งปี และยืดเวลาอยู่ต่อไปเรื่อยๆ จนถึงช่วงที่เขาเสียชีวิต อเล็กซ์อยู่ในแคนาดามานานห้าปีจนได้สถานะเป็นผู้มีถิ่นฐานที่นั่น



แม้เลสลีย์จะเดินทางไปเยี่ยมลูกชายหลายครั้ง แต่ลูกก็ไม่เคยปริปากเรื่องปัญหาที่เกิดกับอวัยวะเพศของตัวเองให้ฟัง เธอได้รับรู้เรื่องทั้งหมดหลังจากเขาเสียชีวิตแล้ว


เลสลีย์รู้สึกตลอดเวลาว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับลูกชาย แต่เขาปฏิเสธ

"ผมมีปัญหาเรื่องที่หนังหุ้มปลายมันรัดแน่น" อเล็กซ์ยอมเปิดเผยเรื่องนี้กับแม่ในอีเมลฉบับสุดท้ายที่เขาส่งถึงเธอ "เป็นมาตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นตอนปลายแล้วที่หนังมันไม่ม้วนเปิดปลายอวัยวะเพศอย่างที่อยากให้เป็น มันทำให้รู้สึกไม่ดีเลย"

ในปี 2015 อเล็กซ์ยังไม่ยอมเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง แต่ไปปรึกษาแพทย์ในแคนาดา แพทย์สั่งจ่ายครีมที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ มาให้ทาเพื่อทำให้หนังหุ้มปลายมีความยืดหยุ่น แต่ก็ไม่ได้ผล




เขาเป็นเด็กผู้ชายที่เรียนเก่งและมีพรสวรรค์

อาการที่เกิดกับอเล็กซ์มีชื่อเรียกทางการแพทย์ว่าหนังหุ้มปลายองคชาตตีบ ซึ่งก็คือภาวะที่ผิวหนังบริเวณปลายองคชาตหดตัวจนไม่สามารถดึงให้เปิดขึ้นได้ ภาวะนี้พบได้ทั่วไปในเด็กชายช่วงที่ยังเป็นเด็กเล็ก และเมื่อโตขึ้นผิวหนังส่วนนี้ก็จะค่อย ๆ เปิดออก โดยปกติแล้วผู้ที่มีภาวะนี้ไม่ค่อยประสบปัญหา แต่ในรายที่มีอาจทำให้ปัสสาวะลำบาก และเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์


ผู้เป็นแม่ยังคงคิดถึงอ้อมกอดของลูกชายเสมอ



อเล็กซ์เคยชอบเล่นสกีและสโนว์บอร์ด แต่หลังการขริบทำให้เขาเจ็บปวดแม้จะทำกิจวัตรประจำวันก็ตาม 

หลังปรึกษาแพทย์ที่แคนาดาแล้วอเล็กซ์ถูกส่งตัวต่อไปพบผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับระบบปัสสาวะ

"เขาแนะให้ขริบหนังหุ้มปลายทันทีเลย" อเล็กซ์เขียนในอีเมล "ผมถามว่าถ้าใช้วิธีดึงให้เปิดออกจะได้ไหม เขาโกหกเต็ม ๆ ว่ามันไม่ได้ผลแน่ในกรณีของผม"

"ผมเชื่อ เพราะรู้สึกว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญที่รู้ว่าอะไรดีที่สุด ผมยอมทำแม้จะรู้สึกว่าต้องชั่งใจก็ตาม"



เลสลีย์ แม่ของอเล็กซ์ ได้อ่านรีวิวที่มีคนไข้เขียนถึงผู้เชี่ยวชาญคนเดียวกันนี้และพบว่าหลายคนประสบปัญหา มีคนไข้หญิงคนหนึ่งเล่าว่าไม่สามารถกลับไปทำงานได้อีกเลยหลังได้รับการผ่าตัดจากอาการที่เกี่ยวกับไต แพทย์คนนี้ "ทำลาย" คุณภาพชีวิตของเธอ บางคนเตือนให้ระวังว่าผู้เชี่ยวชาญคนนี้ไม่มีความสามารถในการรักษา วินิจฉัยผิด เขายังเคยลืมเครื่องมือผ่าตัดไว้ในกระเพาะปัสสาวะของคนไข้ด้วย

เลสลีย์ เรียกร้องให้มีการสืบสวนเรื่องการทำงานของผู้เชี่ยวชาญรายนี้ แต่ได้รับคำตอบว่ากำลังดำเนินอยู่


เลสลีย์ไม่เคยรู้มาก่อนว่าลูกชายขริบหนังหุ้มปลาย

ก่อนเข้ารับการผ่าตัด อเล็กซ์ไม่ได้ค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับผู้เชี่ยวชาญ หรือเรื่องการผ่าตัดหนังหุ้มปลายมากนัก เพราะตอนนั้นแลปท็อปของเขาเสีย เขาไม่สะดวกใจที่จะใช้คอมพิวเตอร์ที่ไม่ใช่ของตัวเองค้นคว้าข้อมูลเรื่องการขริบ และไม่กล้าคุยเรื่องนี้กับเพื่อน ในที่สุดอเล็กซ์มีนัดหมายกับแพทย์เพื่อเข้ารับการผ่าตัดในปี 2015 ตอนที่เขามีอายุ 21 ปี


เขายังคงเป็นที่รักและระลึกถึงตลอดไป

ในอีเมลที่ส่งถึงแม่ อเล็กซ์เล่าเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียดรวมทั้งปัญหาที่เกิดขึ้นหลังการผ่าตัด เขาเล่าว่ารู้สึกว่าปลายองคชาตมีความรู้สึกไวอยู่ตลอดเวลา เพราะไม่มีหนังหุ้มปลายปิด

"เขารู้สึกเจ็บปวดมาก แค่จะทำกิจกรรมปกติก็เจ็บแล้ว" เลสลีย์ บอกว่า "เขาชอบเล่นสกีและสโนว์บอร์ดอย่างมาก คุณคงนึกออกว่าเขาจะรู้สึกเจ็บปวดแค่ไหน"

ที่อังกฤษ นายเทรเวอร์ ดอร์กิน ผู้เชี่ยวชาญศัลยกรรมระบบทางเดินปัสสาวะบอกว่าในกรณีส่วนใหญ่แล้วความรู้สึกไวนี้จะค่อย ๆ ลดลง


อเล็กซ์รักน้องชายตัวน้อยของเขา

อเล็ซ์ยังเขียนเล่าเรื่องที่เขามีอาการอวัยวะเพศไม่แข็งตัว อาการปวดแสบปวดร้อนโดยเฉพาะบริเวณรอยแผลเป็นจากการที่แพทย์ผ่าตัดเอาเส้นเอ็นที่ยึดระหว่างหัวขององคชาตกับหนังหุ้มปลาย (เส้นสองสลึง) ออกไป เส้นเอ็นนี้ นายดอร์กินชี้ว่าเป็นส่วนสำคัญในการมีเพศสัมพันธ์

"ทั้งหนังหุ้มปลาย ส่วนหัวขององคชาตและเส้นสองสลึง ล้วนเป็นบริเวณที่มีความไวอย่างมาก…เมื่อผ่าตัดหนังหุ้มปลาย บางครั้งเส้นเอ็นนี้ก็ถูกผ่าตัดออกไปด้วย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีผลต่อการมีเพศสัมพันธ์และความรู้สึกสุขสม" นายดอร์กินอธิบาย


สองพี่น้องมีแต่ความร่าเริงสดใส

แต่สำหรับอเล็กซ์ เส้นเอ็นที่หายไปมีความสำคัญสำหรับเขา

"ตั้งแต่ไม่มีมันแล้ว ผมบอกได้เลยว่ามันคือจุดที่ไวต่อความรู้สึกทางเพศมากที่สุด" เขาเขียน "ถ้ามีใครมาผ่าเอาปุ่มกระสันของแม่ออกไป แม่ก็คงพอจะเข้าใจว่ามันเป็นอย่างไร"

อเล็กซ์ยังเขียนเล่าเรื่องอาการชา หดรัดและ "ความรู้สึกไม่สบาย" ที่ขยายไปถึงบริเวณหน้าท้องของเขาด้วย ในอีเมลที่เขาเขียนสะท้อนให้เห็นว่า อเล็กซ์รู้สึกว่าเรื่องการขริบหนังหุ้มปลายองคชาตของผู้ชายนี้ถูกทำให้เป็นเรื่องธรรมดาเมื่อเทียบกับการขริบอวัยวะเพศหญิง ทั้งที่เป็นการทำให้อวัยวะสืบพันธุ์ต้องพิการเช่นเดียวกัน

"ถ้าผมเป็นผู้หญิง (ในประเทศตะวันตก) นี่คงผิดกฎหมายไปแล้ว หมอที่ขริบให้ผมคงทำผิดอาญา และการผ่าตัดคงไม่ใช่ทางเลือกของแพทย์" อเล็กซ์เขียน "ผมไม่เชื่อว่าเราควรจะปกป้องเพศหนึ่งมากกว่าอีกเพศหนึ่ง ผมรู้สึกจริง ๆ ว่าความเท่าเทียมทางเพศนั้นควรจะเท่าเทียมสำหรับทุกคน"


กลุ่มรณรงค์มองเรื่องขริบเป็นประเด็นทางสิทธิมนุษยชน

นักรณรงค์เชื่อว่าการขริบอวัยวะเพศทารกหรือเด็ก ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย เป็นสิ่งที่ผิดและถือเป็นประเด็นทางสิทธิมนุษยชน เพราะเด็กเหล่านั้นไม่สามารถให้ความยินยอมได้

ข้อมูลขององค์การอนามัยโลกชี้ว่าชายในไนจีเรียราว 95 เปอร์เซ็นต์ ผ่านการขริบหนังหุ้มปลาย ส่วนในสหราชอาณาจักรมีประมาณ 8.5 เปอร์เซ็นต์

อเล็กซ์ซึ่งเคยมีอวัยวะเพศที่ใช้การได้ตามปกติเชื่อว่าการขริบอวัยวะเพศชายตั้งแต่ยังเล็กทำให้ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าได้สูญเสียความรู้สึกไปมากเท่าไหร่ เขาเองประเมินว่าความรู้สึกเสียวซ่านที่เกิดกับอวัยวะเพศของเขานั้นลดลงไปราว 75 เปอร์เซ็นต์

อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่าประสบการณ์ที่เกิดกับผู้ชายที่ได้รับการขริบหนังหุ้มปลายนั้นแตกต่างกันไป บ้างก็พึงพอใจมากกว่าเพราะไม่รู้สึกเจ็บปวดจากการที่หนังหุ้มปลายรัดแน่นหรืออักเสบ ขณะที่รายงานบางชิ้นชี้ว่าหลังการขริบความรู้สึกไวจะลดลงและความพึงพอใจจากการร่วมเพศลดลงไปมากเช่นกัน



ก่อนตัดสินใจจบชีวิตอเล็กซ์พยายามหาทางรักษาอาการที่เกิดกับตัวเอง แต่ไม่เคยบอกเล่าเรื่องราวให้แม่และเพื่อนฟังมาก่อน เลสลีย์เองยอมรับว่าเธอรู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่ามีอะไรที่ไม่ปกติเกิดขึ้นกับลูก แต่อเล็กซ์ก็ปฏิเสธทุกครั้งที่ถาม

เธอบอกว่าลูกเป็นคนที่ไม่ค่อยเปิดเผยอะไรมากนัก ซึ่งไม่ต่างจากเธอ แต่การที่เลสลีย์ยอมเปิดเผยเรื่องนี้ก็เพราะเป็นความปรารถนาของลูก

"ผมไม่รู้สึกสบายใจพอที่จะยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดตอนที่ผมมีโอกาส ดังนั้นถ้าเรื่องของผมจะช่วยสร้างความตระหนักหรือทำให้เรื่องที่เกี่ยวกับสุขภาพของผู้ชายนี้ไม่ใช่เรื่องต้องห้ามในสังคมอีกต่อไป ผมก็ยินดีที่จะให้เปิดเผยเรื่องของผมได้"

การเปิดเผยเรื่องราวของอเล็กซ์รวมทั้งความหวังที่จะได้พูดคุยเรื่องนี้กับเด็ก ๆ ในโรงเรียน เป็นสิ่งที่เลสลีย์บอกว่าเป็นสิ่งสุดท้าย"ที่จะทำเพื่อลูกชายสุดที่รัก" ของเธอ


อเล็กซ์ขอให้แม่บอกเล่าเรื่องราวของเขาให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น


การขริบหนังหุ้มปลายอวัยวะที่มีมาตั้งแต่โบราณกาล