หลังจากมีข่าวลือว่าความรักของ "ตุ้ย-ธีรภัทร์ สัจจกุล" กับ "แอนนา-นาตาชา สัจจกุล" ได้จบลงไปแล้วด้วยสาเหตุเรื่องธุรกิจและปัญหามือที่สาม ทำเอาหลายคนติดตามข่าวลือนี้ว่าจริงหรือแค่ข่าวโคมลอย ล่าสุดวันนี้เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาตุ้ยได้ออกมายอมรับถึงสาเหตุที่ต้องลดสถานะความเป็นสามีภรรยาลงอย่างละเอียดว่า
เรื่องข่าวเป็นความจริงขนาดไหน?
ก็เป็นความจริงครับ
ข่าวว่าเราหย่าได้ 4-5 เดือนแล้ว?
ก็โดยประมาณครับ
แยกกันอยู่นานยัง?
พักใหญ่แล้วครับ
ตลอด2ปีที่ผ่านมาที่มีข่าวเตียงหักเรื่องจริงใช่ไหม?
เตียงไม่ได้หัก(หัวเราะ)ก็น่าจะเหมือนชีวิตคู่ของใครหลายๆคนครับที่มีด้านมืดบ้าง เรียกว่าพยายามปรับตัวเข้าหากันให้ดีขึ้น แต่ว่าก็คงถึงจุดที่เราสองคนเห็นตรงกัน ตัดสินใจด้วยเหตุและผลที่จะเปลี่ยนสถานะ
สาเหตุหลักคือ?
คงเป็นเรื่องทัศนคติและมุมมองการใช้ชีวิตนะครับ ที่อาจจะไม่สอดคล้องกัน
ด้วยอายุที่ห่างกันถึง 5 ปีมีส่วนไหม?
ไม่เกี่ยวครับ
ตกลงเรื่องลูกยังไง?
หลักๆอยู่ที่แอนนา แต่จริงๆก็อยู่กันไม่ไกลครับ
มีปัญหามือที่สามไหม?
ไม่มีแน่ๆครับ ไม่มีมือที่สาม
ระหว่างทางมีเรื่องผู้หญิงทำให้พี่แอนนาเข้าใจผิดบ้างไหม?
ไม่มีครับ ที่ผ่านมาผมว่าไม่น่าจะมีประเด็นนี้ทั้งสิ้น
เรื่องทัศนคติเรามาทราบเมื่อไหร่ว่าไปต่อกันไม่ได้แล้ว?
มันคงเป็นระยะๆครับ คงเป็นธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน ความคิดเห็น มุมมองในเรื่องต่างๆก็ใช้เวลาในการปรับตัวในการจะดำเนินต่อ แต่ในที่สุดเราก็มาถึงจุดที่เราตัดสินใจตรงกัน
ความลำบากใจในการแยกทางช่วงที่ตัดสินใจแยกทางกันมันมากน้อยแค่ไหน?
แน่นอนครับมันก็ต้องเป็นความเสียใจ ผิดหวังอยู่แล้ว เพราะจุดเริ่มต้นมันเกิดจากการสร้างครอบครัว ความตั้งใจที่ดี พอมันถึงช่วงนึงของชีวิตที่ดำเนินมาแล้วมันไม่สามารถไปต่อได้ก็ต้องยอมรับความจริงและคุยกันว่าจะเปลี่ยนสถานะ เปลี่ยนบทบาทเป็นพ่อและแม่ที่จะดูแลลูก
ใครเป็นคนตัดสินใจก่อน?
ไม่มีใครเริ่มต้น มันไม่ใช่ฉากหนัง มันผ่านการพูดคุยกัน เข้าใจในธรรมชาติกัน
อธิบายลูกยังไงให้เขาเข้าใจ?
ถ้าถามตอนนี้ไม่ทราบหรอกครับ ว่าเขาเข้าใจหรือไม่เข้าใจ ในมุมเรามองว่าก็คงต้องเข้าใจว่าสักวันเขาจะเข้าใจ
เราต้องเตรียมคำตอบให้เขาในอนาคตไหม?
ไม่ต้องเตรียมครับ ก็คงมีสัญชาตญาณในการปรับตัว ผมเชื่อว่าความเป็นพ่อเป็นแม่ก็ยังเหมือนเดิม เขาสามารถรับรู้ได้ด้วยความเป็นลูก แต่จะเป็นลักษณะไหนผมคงตอบตอนนี้ไม่ได้
วันนี้ที่เราออกมาให้สัมภาษณ์พี่ออนนาทราบไหม?
ทราบครับ ก็คุยกันในแนวทางนี้ว่าจุดที่ต้องชี้แจงนะครับว่าจะยังไง
เสียดายเวลา11ปีไหม?
เสียดายครับ แต่ชีวิตก็ต้องเดินต่อ
หลังจากนี้จะเดินต่อยังไง?
ยังไม่ได้วางแผนอะไรทั้งสิ้นครับ เราอยู่กับปัจจุบันและทำปัจจุบันให้ดีที่สุด หายใจลึกๆแล้วเดินต่อไป
ยังรับงานในวงการบันเทิงต่อไป?
ก็ยังมีครับ
แต่มีข่าวลือเรื่องมือที่สามและยังมีเรื่องของธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเรื่องล้มละลาย ยึดทรัพย์ มีมูลความจริงมากน้อยแค่ไหน?
คือธุรกิจมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซับซ้อน แต่ถามว่าเกี่ยวไหม ไม่เกี่ยวครับ
เป็นเรื่องของคนสองคนที่ไม่เข้าใจแล้ว?
เป็นทัศนคติที่ไม่สอดคล้องและไม่สามารถไปได้ด้วยกัน
ยังรักกันไหมแม้ว่าเลิกกันแล้ว?
ก็รักในฐานะความเป็นเพื่อนที่ดี
สภาพจิตใจของพี่แอนนาเป็นอย่างไรบ้าง?
ทุกคนก็ต้องผ่านเวลาในการเสียใจ เราก็ต้องปรับตัวและเดินต่อไปในทิศทางที่ดีที่สุด
ตัดสินใจเรื่องสินสมรสยังไง?
อันนี้ขออนุญาตไม่ชี้แจงนะครับ
ทางคุณพ่อบอกว่าไม่ทราบว่าเราหย่ากัน?
พ่อผมอยู่อีกที่นึงครับ นานๆจะนัดกินข้าวกันที ท่านอายุมากแล้วก็ไม่อยากเอาเรื่องไม่สบายใจไปรบกวนจิตใจ ก็คุยกันเรียบร้อยแล้วท่านก็อ้าวหรอ(ยิ้ม)
คุณพ่อว่าไงบ้าง?
เขาก็ให้กำลังใจตลอดในการใช้ชีวิต ในวิกฤตต่างๆ มันก็เป็นปกติชีวิตมนุษย์ที่ไม่ได้เรียบหรูหรือร้ายเสมอหรือสุขอย่างเดียว เราก็แค่มีสติที่ดี
ได้พูดแล้วสบายใจไหม?
มันไม่เกี่ยวว่ามันทำให้เราโล่ง วันนึงเราก็ต้องชี้แจง
คนโทรหาเยอะไหม?
ส่วนใหญ่อยู่ในกองครับ
หลายคนมองเรื่องมือที่สาม ความเจ้าชู้?
ไม่มีแน่ๆครับ
ถ้าวันนึงเราต้องมีคนใหม่ เราต้องระวังไหม?
ผมมองว่าอยู่ที่มุมมองธรรมชาติของเรา ผมทำงานมาจะ20ปีแล้วก็มีเรื่องราวที่ดีและไม่ดีบ้างก็อยู่ที่ตัวเราครับ
เราสามารถพูดคุยกับพี่แอนนา ไปไหนมาไหนด้วยกันได้ไหม?
ถามว่าพูดคุย พูดคุยอยู่แล้วครับ ก็ไม่ได้อยู่ห่างกันมาก มันก็มีความห่วงใยให้กันและกันตลอดเพราะเราก็ยังอยากสื่อสารกับลูกของเรา ก็เปลี่ยนความคิดนิดนึงครับ มันก็ดำเนินไปตามสถานการณ์ครับ ในฐานะพ่อแม่ไม่มีวันเปลี่ยนอยู่แล้วครับ
เรามองชีวิตคู่เปลี่ยนไปไหม?
กับตัวเองคงกลับมาทำความเข้าใจบ้าง เราบกพร่องตรงไหน เราจะแก้ไขข้อบกพร่องยังไง ก็ต้องกลับมาคิด
ด้วยเราทำงานหลายอย่างทำให้มีเวลาน้อย อันนี้มีส่วนด้วยไหม?
ส่วนเวลาแน่นอนครับ ด้วยเราเป็นนักกีฬาเวลาลงสนามเราก็อยากเต็มที่ มันก็มีส่วนแหละเรื่องเวลา
เราก็ยอมรับว่าเราทำงานหนักเลยมีเวลาให้ครอบครัวน้อย?
ก็มีผลครับ
เคยมีปัญหาเรื่องนี้ใช่ไหม?
ก็เคยมีครับ
เคยปรับปรุงเรื่องนี้ไหม?
พยายามมาตลอดครับ
ด้วยอาชีพที่เวลาไม่แน่นอน?
อาชีพก็เป็นเรื่องนึง ธรรมชาติการทำงานเป็นแบบนี้ เราคุยกันด้วยเหตุผลด้วยสติ เอาอารมณ์วางลง ก็คงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด
เรียกว่าจบแบบนี้ดีกว่า?
คิดว่ามีนไม่ใช่ไม่มีความสุขแล้วเดินต่อไปได้เพียงแต่ว่าถ้าเราไม่เปลี่ยนมันจะสร้างปัญหาเพิ่มเข้ามา
แยกบ้านกันอยู่?
ครับ ไม่ไกลกัน
11ปีที่ผ่านมาไม่สามารถยื้อเวลาได้ใชไหม?
ผมไม่ได้มองที่ตัวเลขเพราะมันไม่ใช่ปัจจัยที่เราจะพิจารณา อย่างที่บอกว่าทัศนคติ มุมมองมันไม่สอดคล้องกัน