คำต่อคำ "ตุ้ย ธีรภัทร์" เปิดใจเลิก "แอนนา" มุมมองการใช้ชีวิตต่างกัน

2019-09-01 21:00:43

คำต่อคำ "ตุ้ย ธีรภัทร์" เปิดใจเลิก "แอนนา" มุมมองการใช้ชีวิตต่างกัน

Advertisement

หลังจากมีข่าวลือว่าความรักของ "ตุ้ย-ธีรภัทร์ สัจจกุล" กับ "แอนนา-นาตาชา สัจจกุล" ได้จบลงไปแล้วด้วยสาเหตุเรื่องธุรกิจและปัญหามือที่สาม ทำเอาหลายคนติดตามข่าวลือนี้ว่าจริงหรือแค่ข่าวโคมลอย ล่าสุดวันนี้เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาตุ้ยได้ออกมายอมรับถึงสาเหตุที่ต้องลดสถานะความเป็นสามีภรรยาลงอย่างละเอียดว่า

เรื่องข่าวเป็นความจริงขนาดไหน?

ก็เป็นความจริงครับ

ข่าวว่าเราหย่าได้ 4-5 เดือนแล้ว?

ก็โดยประมาณครับ

แยกกันอยู่นานยัง?

พักใหญ่แล้วครับ

ตลอด2ปีที่ผ่านมาที่มีข่าวเตียงหักเรื่องจริงใช่ไหม?

เตียงไม่ได้หัก(หัวเราะ)ก็น่าจะเหมือนชีวิตคู่ของใครหลายๆคนครับที่มีด้านมืดบ้าง เรียกว่าพยายามปรับตัวเข้าหากันให้ดีขึ้น แต่ว่าก็คงถึงจุดที่เราสองคนเห็นตรงกัน ตัดสินใจด้วยเหตุและผลที่จะเปลี่ยนสถานะ


สาเหตุหลักคือ?

คงเป็นเรื่องทัศนคติและมุมมองการใช้ชีวิตนะครับ ที่อาจจะไม่สอดคล้องกัน

ด้วยอายุที่ห่างกันถึง 5 ปีมีส่วนไหม?

ไม่เกี่ยวครับ

ตกลงเรื่องลูกยังไง?

หลักๆอยู่ที่แอนนา แต่จริงๆก็อยู่กันไม่ไกลครับ

มีปัญหามือที่สามไหม?

ไม่มีแน่ๆครับ ไม่มีมือที่สาม

ระหว่างทางมีเรื่องผู้หญิงทำให้พี่แอนนาเข้าใจผิดบ้างไหม?

ไม่มีครับ ที่ผ่านมาผมว่าไม่น่าจะมีประเด็นนี้ทั้งสิ้น

เรื่องทัศนคติเรามาทราบเมื่อไหร่ว่าไปต่อกันไม่ได้แล้ว?

มันคงเป็นระยะๆครับ คงเป็นธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน ความคิดเห็น มุมมองในเรื่องต่างๆก็ใช้เวลาในการปรับตัวในการจะดำเนินต่อ แต่ในที่สุดเราก็มาถึงจุดที่เราตัดสินใจตรงกัน


ความลำบากใจในการแยกทางช่วงที่ตัดสินใจแยกทางกันมันมากน้อยแค่ไหน?

แน่นอนครับมันก็ต้องเป็นความเสียใจ ผิดหวังอยู่แล้ว เพราะจุดเริ่มต้นมันเกิดจากการสร้างครอบครัว ความตั้งใจที่ดี พอมันถึงช่วงนึงของชีวิตที่ดำเนินมาแล้วมันไม่สามารถไปต่อได้ก็ต้องยอมรับความจริงและคุยกันว่าจะเปลี่ยนสถานะ เปลี่ยนบทบาทเป็นพ่อและแม่ที่จะดูแลลูก

ใครเป็นคนตัดสินใจก่อน?

ไม่มีใครเริ่มต้น มันไม่ใช่ฉากหนัง มันผ่านการพูดคุยกัน เข้าใจในธรรมชาติกัน

อธิบายลูกยังไงให้เขาเข้าใจ?

ถ้าถามตอนนี้ไม่ทราบหรอกครับ ว่าเขาเข้าใจหรือไม่เข้าใจ ในมุมเรามองว่าก็คงต้องเข้าใจว่าสักวันเขาจะเข้าใจ

เราต้องเตรียมคำตอบให้เขาในอนาคตไหม?

ไม่ต้องเตรียมครับ ก็คงมีสัญชาตญาณในการปรับตัว ผมเชื่อว่าความเป็นพ่อเป็นแม่ก็ยังเหมือนเดิม เขาสามารถรับรู้ได้ด้วยความเป็นลูก แต่จะเป็นลักษณะไหนผมคงตอบตอนนี้ไม่ได้




วันนี้ที่เราออกมาให้สัมภาษณ์พี่ออนนาทราบไหม?

ทราบครับ ก็คุยกันในแนวทางนี้ว่าจุดที่ต้องชี้แจงนะครับว่าจะยังไง

เสียดายเวลา11ปีไหม?

เสียดายครับ แต่ชีวิตก็ต้องเดินต่อ

หลังจากนี้จะเดินต่อยังไง?

ยังไม่ได้วางแผนอะไรทั้งสิ้นครับ เราอยู่กับปัจจุบันและทำปัจจุบันให้ดีที่สุด หายใจลึกๆแล้วเดินต่อไป

ยังรับงานในวงการบันเทิงต่อไป?

ก็ยังมีครับ


แต่มีข่าวลือเรื่องมือที่สามและยังมีเรื่องของธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเรื่องล้มละลาย ยึดทรัพย์ มีมูลความจริงมากน้อยแค่ไหน?

คือธุรกิจมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซับซ้อน แต่ถามว่าเกี่ยวไหม ไม่เกี่ยวครับ

เป็นเรื่องของคนสองคนที่ไม่เข้าใจแล้ว?

เป็นทัศนคติที่ไม่สอดคล้องและไม่สามารถไปได้ด้วยกัน

ยังรักกันไหมแม้ว่าเลิกกันแล้ว?

ก็รักในฐานะความเป็นเพื่อนที่ดี 

สภาพจิตใจของพี่แอนนาเป็นอย่างไรบ้าง?

ทุกคนก็ต้องผ่านเวลาในการเสียใจ เราก็ต้องปรับตัวและเดินต่อไปในทิศทางที่ดีที่สุด


ตัดสินใจเรื่องสินสมรสยังไง?

อันนี้ขออนุญาตไม่ชี้แจงนะครับ

ทางคุณพ่อบอกว่าไม่ทราบว่าเราหย่ากัน?

พ่อผมอยู่อีกที่นึงครับ นานๆจะนัดกินข้าวกันที ท่านอายุมากแล้วก็ไม่อยากเอาเรื่องไม่สบายใจไปรบกวนจิตใจ ก็คุยกันเรียบร้อยแล้วท่านก็อ้าวหรอ(ยิ้ม)

คุณพ่อว่าไงบ้าง?

เขาก็ให้กำลังใจตลอดในการใช้ชีวิต ในวิกฤตต่างๆ มันก็เป็นปกติชีวิตมนุษย์ที่ไม่ได้เรียบหรูหรือร้ายเสมอหรือสุขอย่างเดียว เราก็แค่มีสติที่ดี


ได้พูดแล้วสบายใจไหม?

มันไม่เกี่ยวว่ามันทำให้เราโล่ง วันนึงเราก็ต้องชี้แจง 

คนโทรหาเยอะไหม?

ส่วนใหญ่อยู่ในกองครับ

หลายคนมองเรื่องมือที่สาม ความเจ้าชู้?

ไม่มีแน่ๆครับ

ถ้าวันนึงเราต้องมีคนใหม่ เราต้องระวังไหม?

ผมมองว่าอยู่ที่มุมมองธรรมชาติของเรา ผมทำงานมาจะ20ปีแล้วก็มีเรื่องราวที่ดีและไม่ดีบ้างก็อยู่ที่ตัวเราครับ

เราสามารถพูดคุยกับพี่แอนนา ไปไหนมาไหนด้วยกันได้ไหม?

ถามว่าพูดคุย พูดคุยอยู่แล้วครับ ก็ไม่ได้อยู่ห่างกันมาก มันก็มีความห่วงใยให้กันและกันตลอดเพราะเราก็ยังอยากสื่อสารกับลูกของเรา ก็เปลี่ยนความคิดนิดนึงครับ มันก็ดำเนินไปตามสถานการณ์ครับ ในฐานะพ่อแม่ไม่มีวันเปลี่ยนอยู่แล้วครับ




เรามองชีวิตคู่เปลี่ยนไปไหม?

กับตัวเองคงกลับมาทำความเข้าใจบ้าง เราบกพร่องตรงไหน เราจะแก้ไขข้อบกพร่องยังไง ก็ต้องกลับมาคิด

ด้วยเราทำงานหลายอย่างทำให้มีเวลาน้อย อันนี้มีส่วนด้วยไหม?

ส่วนเวลาแน่นอนครับ ด้วยเราเป็นนักกีฬาเวลาลงสนามเราก็อยากเต็มที่ มันก็มีส่วนแหละเรื่องเวลา

เราก็ยอมรับว่าเราทำงานหนักเลยมีเวลาให้ครอบครัวน้อย?

ก็มีผลครับ

เคยมีปัญหาเรื่องนี้ใช่ไหม?

ก็เคยมีครับ

เคยปรับปรุงเรื่องนี้ไหม?

พยายามมาตลอดครับ

ด้วยอาชีพที่เวลาไม่แน่นอน?

อาชีพก็เป็นเรื่องนึง ธรรมชาติการทำงานเป็นแบบนี้ เราคุยกันด้วยเหตุผลด้วยสติ เอาอารมณ์วางลง ก็คงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด

เรียกว่าจบแบบนี้ดีกว่า?

คิดว่ามีนไม่ใช่ไม่มีความสุขแล้วเดินต่อไปได้เพียงแต่ว่าถ้าเราไม่เปลี่ยนมันจะสร้างปัญหาเพิ่มเข้ามา



แยกบ้านกันอยู่?

ครับ ไม่ไกลกัน

11ปีที่ผ่านมาไม่สามารถยื้อเวลาได้ใชไหม?

ผมไม่ได้มองที่ตัวเลขเพราะมันไม่ใช่ปัจจัยที่เราจะพิจารณา อย่างที่บอกว่าทัศนคติ มุมมองมันไม่สอดคล้องกัน