ตำรวจนำ 2 ผู้ต้องหาระเบิดหน้า สตช. มาสอบสวน ในศูนย์ซักถาม ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 9 ยะลา ในขณะที่ จ.ปัตตานีและนราธิวาส มีเหตุป่วนอย่างหนัก
จากกรณีมีเหตุคนร้ายจำนวน 2 คน นำวัตถุระเบิดไปวางหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) แต่สามารถเก็บกู้ไว้ทัน และชุดสืบสวนสอบสวน ตำรวจนครบาล ได้ ติดตามจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยมาได้ 2 คน ขณะกำลังเดินทางกลับจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่บริเวณสี่แยกปฐมพร จ.ชุมพร ทราบชื่อ นายลูไอ แซแง อายุ 23 ปี และนายวิลดัน มาหะ อายุ 29 ปี ชาวบ้านกาโดะ ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส นำไปสอบสวนขยายผลไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ได้แต่งตั้งผู้รับผิดชอบคดีและพนักงานสอบสวน ที่เป็นผู้ชำนาญการพื้นที่ภาคใต้ ประกอบด้วย พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจ พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภาค 9 พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สืบสวนสอบสวน ตำรวจนครบาล/อดีต ผบก.ภ.จว.ยะลา หลังจากมีการแต่งตั้งแล้ว คณะทำงาน นำโดย พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ได้นำ 2 ผู้ต้องหา มายังศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 9 อ.เมือง จ.ยะลา ทันที เพื่อเข้าสู่กระบวนการซักถาม ที่ศูนย์ซักถาม ภายใน ศปก.ตร.ภาค 9 ทันที โดยยังไม่มีการเปิดเผยในรายละเอียดของดำเนินการต่อสื่อมวลชนแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี หลังจากนำ 2 ผู้ต้องหากลับมา จ.ยะลา เมื่อคืนที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุป่วน จ.ปัตตานีและนราธิวาส ทันที ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นการตอบโต้การควบคุมตัวผู้ต้องหาหรือไม่ โดยเหตุแรก คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่บ้านเลขที่ 240/20 ม.ต.ยี่งอ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส แต่ไม่ผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
ส่วน จ.ปัตตานี มีเหตุก่อกวน ในพื้นที่ อ.โคกโพธิ์ โดยมีเสียงคล้ายระเบิดและมีการเผายางรถยนต์ บนถนนสาย 409 หน้า ร.ร.อาซิซสถาน ต.นาประดู่ ,บนถนนสาย 42 บ.ชะเมา ต.นาเกตุ,บนถนนสาย 42 แยกตัดคลองชลประทาน บ.โพธิ์ ต.นาเกตุ ,ระเบิดหน้าตูเอทีเอ็ม บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยฟาฏอนี บ้านโสร่ง หมู่ 3 ต.เขาตูม ได้รับความเสียหาย,ระเบิดตู้เอทีเอ็มหน้าร.ร.ศาสนศึกษา ต.ตะบิ้ง อ.สายบุรี ได้รับความเสียหาย จากเหตุการณ์ดังกล่าว ยังไม่ได้สรุปจากฝ่ายความมั่นคงว่า เป็นการตอบโต้กรณีควบคุม 2 ผู้ต้องหาหรือไม่
จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ จ.ยะลา ซึ่งเป็นที่ควบคุมตัว 2 ผู้ต้องหา ได้มีการสั่งการให้เพิ่มมาตรการการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา ทั้งในเขตเมือง และอำเภอรอบนอก เน้นการเข้ามาของยานพาหนะและบุคคลแปลกหน้าในเมืองยะลา และ อ.เบตง ส่วนอำเภอรอบนอกที่เป็นพื้นที่เสี่ยง อย่าง อ.บันนังสตา ธารโต กรงปินัง รามัน ให้เพิ่มความเข้มในการตัดความอิสระของการเคลื่อนไหว ทั้งตั้งด่านตรวจจุดสกัดให้ครอบคลุมพื้นที่ ตลอด 24 ชม.