“ชูวิทย์” เอาใจช่วย “สุเทพ” หลัง ป.ป.ช มีมติชี้มูลคดีทุจริตสร้างโรงพัก แนะให้เตรียมตัวเตรียมใจหาหลักฐานต่อสู้ มั่นใจท้ายที่สุดคดีนี้จะต้องมีคนติดคุก
จากกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช. ) ประชุมและมีมติชี้มูลความผิด นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาราชการแทน ผบ.ตร. กับพวกกรณีอนุมัติโครงการแฟลตที่พักข้าราชการตำรวจ 163 แห่งทั่วประเทศ และก่อสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่ง วงเงิน 5,848 ล้านบาทนั้น
เมื่อวันที่ 23 ก.ค. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีต ส.ส.พรรครักประเทศไทย ซึ่งอภิปรายในสภาฯเมื่อปี 2554 จนมีการสอบสวนเกิดขึ้น ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว NEW18 ถึงมีมติดังกล่าวของ ป.ป.ช ว่า หลังจากนี้ นายสุเทพต้องเตรียมตัว ทั้งการเตรียมหลักฐานในการต่อสู้คดี เตรียมตัวทางสังคม และเตรียมชี้แจงในเรื่องต่างๆ ซึ่งตนขอเอาใจช่วย เชื่อว่านายสุเทพรู้ดี ว่าอะไรเป็นอะไร สิ่งที่เกิดขึ้นจนถึงวันนี้ ประเทศชาติต้องเสียหาย แต่ตนก็มีความเข้าใจ นายสุเทพที่เป็นอดีตนักการเมือง เพราะหากย้อนกลับไปคดีนี้ วันที่เซ็นสัญญาโรงพัก 396 แห่ง เริ่มจากการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องการที่จะปรับปรุงโรงพักต่างๆ และมีความคิดที่จะใช้งบประมาณ จากโครงการไทยเข้มแข็ง ในสมัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล มาสร้างโรงพักใหม่ โดย พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาราชการแทน ผบ.ตร.ในขณะนั้น มีความคิดว่าจะใช้การจ้างผู้รับเหมาแบบเจ้าเดียว หรือแยกภาคดี ซึ่งการมีผู้รับเหมาถึง 396 คน เป็นเรื่องยาก ในการพูดคุย วิธีการของนายสุเทพขณะนั้นคือ ใช้การเลือกผู้รับเหมารายเดียว แต่ในความเป็นจริง 396 แห่ง ไม่ใช่โปรเจ็กต์เดียวจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาผู้รับเหมาคนเดียวไปสร้าง ดังนั้นเมื่อใช้วิธีการจ้างผู้รับเหมารายเดียวทำให้เกิดการจ้างผู้รับเหมารับช่วง หรือ ซับคอนแทรค โดยมีการจ้างผู้รับเหมาท้องถิ่น ทำให้เกิดปัญหาขึ้นจากการบริหารจัดการ
นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า แต่ประเด็นคือ ได้มีการขยับขยายเวลา การก่อสร้างออกไป 3-4 ครั้ง ด้วยเหตุผลต่างๆ ซึ่งทำให้มีการตั้งข้อสงสัยว่าการเลื่อนออกไปหลายๆครั้ง เป็นลักษณะของการสมยอมกันหรือไม่ จนนำไปสู่ความเสียหายในเรื่องของการสร้างไม่เสร็จ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้ เพราะบางแห่งสัญญาเหลืออีกเพียง 1 เดือน แต่กลับยังไม่มีการตอกเสาเข็มแม้แต่เสาเดียว ตนอยากถามกลับไปว่าหากมีการจ้างคนมาสร้างบ้าน 1 ปี แล้วยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ไม่มีแม้แต่ตอกเสาเข็ม เราควรจะยกเลิกผู้รับเหมารายนั้น แล้วไปหาผู้รับเหมารายใหม่หรือไม่ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ตนสรุปได้ว่า มีความไม่ชอบมาพากลและทุจริตเกิดขึ้นในโครงการนี้ แม้ตอนที่ตนเปิดประเด็นเรื่องนี้ในสภาฯ คนจะมองว่า ไปเล่นงานฝ่ายค้านด้วยกัน แต่อย่าลืมว่าโครงการนี้กินเวลาเข้ามาถึงในสมัยของพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลด้วย โดยมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นรัฐมนตรีดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่โครงการนี้กินเวลาอยู่ในสมัยรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์มากกว่า อย่างไรก็ตาม หากนายสุเทพชี้แจงได้ บริสุทธิ์ใจ และมีหลักฐานถูกต้อง ก็ชี้แจงไป
นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า โครงการนี้มั่นใจว่าต้องมีคนติดคุก เพราะหากโครงการนี้ไม่มีผู้ติดคุก หากไม่มีผู้รับผิดชอบในโครงการนี้ ตนมองว่าไม่ยุติธรรมกับสังคมไทยและคนไทยที่เสียภาษีทุกคน เพราะความเสียหายคดีนี้เยอะมาก หากเรื่องนี้จะไม่มีผู้ผิดเลยแม้แต่คนเดียว จะถือเป็นเรื่องประหลาดที่สุดในโลก ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเป็นค่าโง่ ที่ประเทศไทยมีอยู่เรื่อยๆ แต่ท้ายที่สุดแล้วค่าโง่นี้ จะต้องมีคนรับผิดชอบ