ตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์นำเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บตัวอย่างสารและวัตถุดิบที่ถูกนำไปใช้ในการผลิตยาลดความอ้วนและอาหารเสริมปลอม พร้อมตรวจยึดเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิต ด้านผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ออกโรงเคลียร์ปมเจ้าของยาลดความอ้วนมรณะ ซัดทอดผู้ใต้บังคับบัญชารับส่วย ชี้เป็นเรื่องเก่าตั้งแต่ปี 2559
วันที่ 8 ก.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่เภสัชจากสำนักงานสาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ และสาธารณสุขอำเภอต่างๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.นามน และอส.ยังคงช่วยกันนับและคัดแยกของกลาง ซึ่งมีจำนวนมาก ทั้งผลิตภัณฑ์ยาลดความอ้วน และอาหารเสริมเม็ดและแคปซูลปลอมหลายยี่ห้อที่บรรจุกล่องพร้อมจำหน่าย วัตถุดิบและสารต้องห้ามต่างๆที่ใช้ในการผลิตยาที่เป็นของปลอม และคาดว่าจะมีการลักลอบนำเข้ามาในประเทศ ซึ่งเบื้องต้นของกลางที่ตรวจยึดจากจุดแรกที่เป็นโรงงานผลิตมีจำนวนกว่า 4 ล้านเม็ด จุดที่ 2 โกดังเก็บสินค้าไม่มีเลขที่มีจำนวนกว่า 8 ล้านเม็ด และจุดที่ 3 โกดังที่เปิดเป็นรีสอร์ท อีกกว่า 3 ล้านเม็ด มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการคัดแยกและตรวจนับอย่างละเอียด เพื่อนำส่งไปตรวจพิสูจน์
ด้าน พล.ต.ต. ศิรัชเขตร์ ครูวัฒนเศรษฐ์ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค เปิดเผยว่า หลังทราบข่าวว่ามีเจ้าหน้าที่ บก.ปคบ. เข้าไปมีส่วนสนับสนุนการกระทำผิดของผู้ต้องหาที่ จ.กาฬสินธุ์ ได้มีการประสานงานข้อมูลไปยัง พ.ต.อ.ตรีวิทย์ ศรีประภา รองผู้บังคับการกาฬสินธุ์ ทำให้ทราบข้อเท็จจริงกรณี นางวสภัสสร สุลำนาจ ผู้ต้องหา กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
โดยในครั้งนั้น ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหารายนี้พร้อมลูกสาว ซึ่งเป็นเภสัชกร รวม 2 คดี คือในปี 2559 และปี 2560 สำนวนคดีปี 2559 ทราบว่าพนักงานสอบสวนฟ้องดำเนินคดีกับผู้ต้องหาซึ่งปัจจุบันอยู่ในชั้นศาล ส่วนปี 2560 อยู่ระหว่างการสรุปสำนวนสอบสวน ระหว่างนั้นผู้ต้องหากับลูกสาว ได้ร้องเรียนเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม คือ 1.แจ้งความดำเนินคดีอาญาซึ่งเป็นไปตามขบวนการเรื่องอยู่ที่ ปปท. 2.ร้องเรียนมาทางผู้บังคับบัญชาในสมัยนั้น ซึ่งได้มีการตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ผลการสืบสวนปรากฏว่ามีมูล จึงมีการตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง
ส่วนนายตำรวจที่ถูกร้องเรียนนั้น ทาง บชก.ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ โดยมีคำสั่งให้ไปประจำที่ บช.ก. หากผลการสอบสวนมีความผิดโทษถึงไล่ออก สำหรับการดำเนินคดีอาญายังเดินต่อไป แต่ถ้าหากการที่ผู้ต้องหาถูกจับกุมในครั้งนี้พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคบ.เข้าไปเกี่ยวข้อง จะไม่มีการช่วยเหลือ และยินดีให้ความร่วมมือเต็มที่ อย่างไรก็ตามยืนยันว่าทาง บก.ปคบ.ไม่มีนโยบายเรียกรับผลประโยชน์ หากพบว่ามีข้าราชการตำรวจในสังกัดกระทำความผิดหรือมีการเรียกรับผลประโยชน์ก็พร้อมที่จะดำเนินคดีทั้งวินัยและอาญาทันที