เปิดใจครั้งแรก "ช่อ" ขออภัยโพสต์ภาพไม่เหมาะ ยอมรับโตขึ้นความคิดเปลี่ยน

2019-06-19 12:10:52

เปิดใจครั้งแรก "ช่อ" ขออภัยโพสต์ภาพไม่เหมาะ ยอมรับโตขึ้นความคิดเปลี่ยน

Advertisement

"ช่อ พรรณิการ์ " ขออภัยโพสต์ภาพไม่เหมาะสมในอดีต ชี้สมัยเด็กมีความคิดที่สุดโต่ง ยอมรับโตขึ้นความคิดเปลี่ยน ยันยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข


เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.น.ส.นางสาวพรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญขีรายชื่อ โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ชี้แจงกรณีภาพถ่ายในอดีตจนเกิดเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ ถึงความไม่เหมาะสมว่า สมัยที่ตัวเองเป็นนิสิตปี 1 เกิดการรัฐประหาร จนถึงช่วงที่ตัวเองจบการศึกษาใหม่ๆ สถานการณ์การเมืองช่วงนั้นมีความเข้มข้น มีการสลายการชุมนุมของประชาชนในช่วงเดือน เม.ย.ปี 2553 และความสนใจในเรื่องการเมืองของตัวเองก็มีมากในช่วงนั้น มีความตื่นตัวทางการเมืองสูง ส่วนที่ตัวเองโพสต์ลงบนเฟซบุ๊ก คงแล้วแต่การตีความ ซึ่งตามปกติการถ่ายรูปรับปริญญาก็มีหลายท่าทาง สำหรับภาพที่เป็นปัญหานั้น ก็มีตั้งคำถามเหมือนกัน ซึ่งส่วนตัวยอมรับว่าเมื่อย้อนกลับไปมองเป็นภาพที่ไม่เหมาะสม ก่อให้เกิดความไม่สบายใจ เนื่องจากการตีความที่หลากหลายของแต่ละกลุ่มบุคคล แต่ก็เป็นสิทธิของแต่ละท่านที่จะตีความ ซึ่งส่วนตัวขออภัยอีกครั้งหนึ่งหากภาพที่ปรากฏทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายใจ ซึ่งตัวเองก็ไม่สบายใจเช่นกันที่ภาพดังกล่าวก่อให้เกิดบทสนทนาในโซเชียลมีเดียที่ไม่เหมาะสม มีการใช้วาทะสร้างความเกลียดชัง


ส่วนที่มองว่าเรื่องดังกล่าวอาจนำไปสู่การฟ้องร้องตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นั้น น.ส.พรรณิการ์ มองว่า กระบวนการตามกฎหมายก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอนซึ่งส่วนตัวยังไม่ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะมีการแจ้งในข้อหามาตรา 112 หรือไม่ จึงทำให้ขณะนี้ตัวเองยังไม่สามารถไปชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ หากมีการแจ้งมาก็พร้อมเข้าชี้แจง ทั้งนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับฝ่ายกฎหมายของพรรค เพราะต้องรอกระบวนการดำเนินคดีทางกฎหมายก่อน

น.ส.พรรณิการ์ ระบุว่า ตัวเองไม่ใช่นักการเมืองคนสุดท้ายที่โดนโจมตีด้วยข้อหาเหล่านี้ เรื่องนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตัวเองอย่างเดียวแต่ส่งผลกระทบถึงครอบครัวและเพื่อนด้วย ตัวเองตัดสินใจมาทำงานการเมืองรู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง แต่พ่อแม่และเพื่อนๆ รวมถึงคนรอบข้างไม่สมควรที่จะต้องมารับผิดชอบเกี่ยวกับการตัดสินใจของตัวเองในครั้งนี้ จนทำให้เรื่องบานปลาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สบายใจจึงอยากให้เป็นภาพสะท้อนว่าเมื่อนำเรื่องแบบนี้มาโจมตีกันทางการเมืองทำให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ตลอด 10 ปีที่ผ่านมานักการเมืองที่เป็นฝ่ายหัวก้าวหน้า มักจะถูกสกัดกั้นทางการเมือง เพราะเรื่องแบบนี้ ซึ่งเป็นข้อหาหนักและแทบจะไม่มีใครสามารถแก้ตัวได้ จึงขอร้องว่าอย่านำสถาบันมาใช้เป็นเครื่องมือโจมตีกันทางการเมือง และพรรคอนาคตใหม่ตัดสินใจเข้ามาทำงานทางการเมืองในระบอบรัฐสภาย่อมหมายความว่า พรรคอนาคตใหม่มีจุดยืนที่ชัดเจนต่อการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พร้อมเชื่อว่าผู้สนับสนุนพรรคมีความเข้าใจดีว่าพรรคอนาคตใหม่ถูกโจมตีเรื่องแบบนี้มาตลอด 1 ปี เพราะได้พุ่งชนกับผู้มีอำนาจ


น.ส.พรรณิการ์ ยังอธิบายถึงภาพที่ตัวเองสวมหมวกเวียดนามถือตราสัญลักษณ์ พร้อมโพสต์ข้อความพรีโฮจิมินห์ ว่า เป็นเพียงการสื่อสารถึงประวัติศาสตร์เวียดนาม เป็นรูปที่ถ่ายกันเล่นๆ ในสถานที่ทำงาน ถ้าจะถามว่าเหตุใดจึงโพสต์แบบนั้นก็จำไม่ได้แล้ว ไม่ได้เชื่อมโยงหรือตั้งใจสื่อสารให้กระทบต่อสถาบัน


ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะที่ได้ทำการถ่ายภาพนั้นได้มีการคิดก่อนหรือไม่ว่าจะมีผลกระทบตามมา น.ส.พรรณิการ์ระบุว่า การโพสต์อะไรบนเฟซบุ๊ก ก็ถือเป็นความรับผิดชอบของตัวเองอยู่แล้วเพราะสมัยที่ตัวเองยังเด็กก็มีความคิดที่เข้มข้นหรือมีความรุนแรงมากกว่านี้ เป็นความคิดที่สุดโต่ง แต่เวลาผ่านไปความคิดก็เปลี่ยนไป ซึ่งยอมรับว่าเสียใจที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ส่วนถ้าย้อนกลับไปได้จะแก้ไขหรือไม่นั้น คิดว่าอดีตเป็นเรื่องของอดีต อยากให้มองหรือตัดสินกันในเรื่องปัจจุบัน