การระบาดของโรคอีโบลาล่าสุดในแอฟริกากลาง น่าเป็นห่วง เฉพาะในดีอาร์ คองโก มีผู้เสียชีวิตแล้วเกือบ 1,400 ราย ขณะที่ ยูกันดา พบผู้ป่วยรายแรก เป็นเด็กชายวัย 5 ขวบ และเสียชีวิตแล้ว
ดร.เจเรมี ฟาร์แรร์ ผู้อำนวยการ “เวลคัม ทรัสต์” หน่วยงานการกุศลด้านการวิจัยทางการแพทย์ แถลงเมื่อวันพุธว่า การระบาดของโรคอีโบลาในแอฟริกากลางครั้งล่าสุดนี้ ถือว่าเลวร้ายที่สุดตั้งแต่เกิดการระบาดในแอฟริกาตะวันตกระหว่างปี 2556-2559 ซึ่งมีผู้ติดเชื้อ 28,000 คน และเสียชีวิต 11,300 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในไลบีเรีย, กินี และเซียร์ราลีโอน
ฟาร์แรร์ เรียกการระบาดครั้งล่าสุดนี้ว่า “น่ากลัวอย่างแท้จริง” ซึ่งมีผู้เสียชีวิตไปแล้วเกือบ 1,400 ราย ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก หรือดีอาร์ คองโก และยังไม่มีสัญญาณว่าจะยุติลงโดยง่าย
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลก หรือฮู ประกาศว่า เด็กชายวัย 5 ขวบ มีอาการของโรคอีโบลาในยูกันดา ซึ่งดูเหมือนว่าเกิดขึ้นหลังข้ามพรมแดนมาจากดีอาร์ คองโก โดยฮูบอกว่า เป็นผู้ป่วยอีโบลารายแรกในยูกันดาขณะที่มีการระบาดอย่างรุนแรงในดีอาร์ คองโก และเด็กชายคนดังกล่าวก็เสียชีวิตลงในวันพุธ ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขของยูกันดาแถลงว่า พบผู้ต้องสงสัยติดเชื้อไวรัสอีโบลาอีก 7 ราย
การระบาดของอีโบลาเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ผ่านการสัมผัสของเหลวจากร่างกายผู้ป่วย ซึ่งจะทำให้เป็นไข้เลือดออก, อาเจียนอย่างรุนแรง, ท้องร่วง และเลือดไหลไม่หยุด
ในแถลงการณ์ฉบับหนึ่ง ดร.ฟาร์แรร์ ระบุว่า การระบาดครั้งนี้ ถือเป็นโศกนาฏกรรม พร้อมเตือนว่าคาดว่าจะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก และต้องได้รับการตอบโต้อย่างเต็มรูปแบบทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ เพื่อปกป้องชีวิตประชาชน ไม่ควรจะปล่อยให้ดีอาร์ คองโก เผชิญชะตากรรมตามลำพัง การระบาดของอีโบลา เริ่มต้นขึ้นในเดือนสิงหาคม ปีที่แล้ว ในภาคตะวันออกของดีอาร์ คองโก มีผู้ติดเชื้ออย่างน้อย 2,062 คน และเสียชีวิต 1,390 ราย