ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์แชมเปียนลีก เป็นสมัยที่ 6 มาครองได้สำเร็จ ด้วยการชนะทีมสเปอร์ เพื่อร่วมลีกพรีเมียร์ ชิพอังกฤษ 2-0 ที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน เมื่อวันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน ลืมความผิดหวังเมื่อฤดูกาลที่แล้ว
ทอตนัมฮอตสเปอร์ เตรียมตัวอย่างเข้มข้นเป็นเวลา 3 สัปดาห์ สำหรับเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสโมสร วิเคราะห์รายละเอียดแทบทุกเม็ด รวมถึงความเป็นไปได้ถึงผลการแข่งขัน แต่สิ่งที่เมาริซิโอ โปเช็ตติโน ผู้จัดการทีม, เจ้าหน้าที่และผู้เล่นของสเปอร์ อาจไม่ได้คิดมาก่อนคือ นัดชิงแชมเปียนลีกครั้งแรกของทีมทอตนัม จะแพ้หลังจากเริ่มต้นการแข่งขันได้เพียง 28 วินาทีเท่านั้น หลังลิเวอร์พูลบุกจู่โจมเข้าใส่ก่อน และจังหวัดที่ซาดิโอ มาเน่ เปิดบอลไปที่หน้าประตูสเปอร์ แต่กลับไปโดนแขนของมุสซา ซิสโซโก ผู้เล่นของไก่เดือยทอง ในกรอบเขตโทษ ดามีร์ สโคมินา ผู้ตัดสินไม่รอช้า ชี้ให้เป็นจุดโทษทันที และเป็นโมฮาเหม็ด ซาลาห์ รับหน้าที่สังหาร ซึ่งก็ไม่พลาด หงส์แดง ขึ้นนำ 1-0
ในช่วงท้ายเกมนาทีที่ 87 ลิเวอร์พูด มาได้อีก 1 ลูกตอกฝาโลง เริ่มต้นจากลูกเตะมุม เจมส์ มิลเนอร์ เปิดโด่งเข้าไปในเขตโทษบอลชุลมุนก่อนไปถึง โฌแอล มาติป ไหลให้ ดิว็อค โอริกี ตัวสำรองที่เปลี่ยนตัวลงมาแทนโรแบร์โต้ ฟิร์มิโน หาจังหวะซัดด้วยซ้ายเสียบโคนเสาเข้าไปเด็ดขาด หงส์ตอกฝาโลง ขยับหนีเป็น 2-0 สเปอร์มีโอกาสยิงประตูหลายครั้ง แต่ก็ถูกปฏิเสธโดย อลิสซอน เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูชาวบราซิล ซึ่งเซฟลูกยิงจากซอน เฮือง มิน, ลูคัส มูรา และคริสเตียน อีริคเซน
จบเกมด้วยสกอร์นี้ ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 6 ได้สำเร็จ ส่งให้เยอร์เก้น คล็อปป์ คว้าถ้วยแชมป์แรก ในฐานะผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล และเป็นคนที่ 4 ที่พาทีมหงส์แดง เป็นแชมป์ยุโรปถ้วยใหญ่ถัดจาก บ๊อบ เพรสลี่ย์, โจ เฟแกน และ ราฟา เบนิเตซ พร้อมกับลบล้างความผิดหวังในเกมชิงแชมเปียนลีก ในฤดูกาลที่แล้ว ที่พวกเขาแพ้ให้กับทีม “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด