คุก 2 ป้าทุบรถคนละ 2 เดือนปรับ 12,000 บาท

2019-05-30 12:10:41

คุก 2 ป้าทุบรถคนละ 2 เดือนปรับ 12,000 บาท

Advertisement

ศาลพิพากษาจำคุก 2 ป้าทุบรถ คนละ 2 เดือน ปรับคนละ 12,000 บาท โทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี


เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 พ.ค. ศาลจังหวัดพระโขนง ได้นัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ 3917/2561 ระหว่างพนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ โจทก์ กับ น.ส.มณีรัตน์ แสงภัทรโชติ ที่ 1 น.ส.รัตนฉัตร แสงหยกตระการ ที่ 2 จำเลย ในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ จากกรณีเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2561 น.ส.รัชนิกร เลิศวาสนา ได้ขับรถยนต์กระบะ มาจอดรถขวางหน้าบ้านของป้ามณีรัตน์ และป้ารัตนฉัตร จนทั้ง 2 คนไม่สามารถขับรถออกจากบ้านได้ จึงบันดาลโทสะ ใช้ขวานและเสียมทุบรถของ น.ส.รัชนิกร ได้รับความเสียหาย ต่อมาพนักงานอัยการได้ฟ้องทั้ง 2 คนที่ศาลจังหวัดพระโขนง

ศาลพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 358 และ 83 จำคุกคนละ 3 เดือนและปรับคนละ 18,000บาท ทางนำสืบของจำเลยทั้งสองเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกคนละ 2 เดือนและปรับคนละ 12,000 บาทพิเคราะห์แล้ว พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิด เพราะความเครียดและความโกรธสะสมมาเป็นเวลานาน ความผิดที่กระทำไม่ร้ายแรงนัก จำเลยทั้งสองได้บรรเทาผลร้ายจากการกระทำความผิดโดยนำเงินมาวางศาล 50,000 บาท เพื่อชำระแก่ผู้เสียหายตามที่เสียหายจริง เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองเคยรับโทษจำคุกมาก่อน เห็นควรให้โอกาสจำเลยทั้งสองกลับตนเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29 และ 30


ด้านนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ เปิดเผยกับทีมข่าวนิว 18 ว่า แนวทางการต่อสู้คดีแบ่งเป็น 2 แนวทาง แนวทางแรกคือ น.ส.รัชนีกร (คนขับรถ) มีส่วนในการกระทำความผิดด้วย คือการจอดรถกีดขวางทางเข้าบ้านจนทำให้เจ้าบ้านบรรดาลโทสะ ส่วนแนวทางที่ 2 จำเลยให้การรับสารภาพว่ากระทำความผิดจริง แต่การกระทำเกิดจากความเครียดสะสม เป็นระยะเวลากว่า 10 ปี ซึ่งแนวทางแรกศาลพิจารณาว่ารถคันดังกล่าวไม่ใช่ของ น.ส.รัชนีกร แต่เป็นของพี่สาว เพราะฉะนั้นผู้เสียหายที่แท้จริงคือพี่สาว ทำให้มีอำนาจในการฟ้อง จึงเป็นปัญหาทางข้อกฎหมาย ทีมทนายความจึงยังไม่เห็นพ้องด้วย ซึ่งหลังจากนี้จะทำการยื่นอุทธรณ์ต่อไป

ทนายอนันต์ชัย ยังกล่าวอีกว่า เมื่อศาลมีคำพิพากษาว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริง ถึงแม้จะมีหลักฐานว่าเกิดจากบรรดาลโทสะ และความเครียดสะสมที่มีผู้มาจอดกีดขวางทางเข้าบ้านเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี ฟังไม่ขึ้น แต่ทางจำเลยได้ยอมรับสารภาพว่าได้กระทำความผิดจริงแต่มีเหตุ อีกทั้งก่อนหน้านี้ยังได้มีการวางเงินเพื่อบรรเทาความเสียหายให้แก่ผู้เสียหาย เป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท ศาลจริงเห็นสมควรพิพากษารอลงอาญา เป็นเวลา 2 ปี

ด้าน น.ส.รัตนฉัตร เปิดเผยกับทีมข่าวนิว 18 ว่า ขอขอบคุณกระบวนการยุติธรรม ที่พิพากษาให้มีการรอลงอาญา ซึ่งทางครอบครัวเรายอมรับว่ากระทำความผิดจริง ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนที่สำคัญของครอบครัวที่ขอฝากว่าอย่าใช้อารมณ์ในการตัดสินปัญหา ต้องรอให้เจ้าหน้าที่เข้ามาดำเนินการก่อน อย่างไรก็ตามจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา น.ส.รัตนฉัตร ยังยืนยันว่าจนถึงวันนี้ปัญหาการจอดรถกีดขวางทางเข้า-ออกบ้าน ยังคงเกิดขึ้นอยู่ เนื่องจากบริเวณโดยรอบยังเป็นพื้นที่ของตลาด และยังมีการทิ้งขยะบริเวณหน้าบ้าน ซึ่งยังคงถูกปล่อยปะละเลยจากทางเจ้าหน้าที่ ไม่ได้เข้ามาแก้ปัญหาดังกล่าว หลังจากนี้จึงยังจะต้องเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เข้ามาแก้ไขปัญหาเหล่านี้ต่อไป