ซิมบับเวขายช้างกว่า 90 ตัวให้จีนและดูไบ ได้เงิน 2.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อ้างคำเงินจำนวนนี้ มาใช้ในการอนุรักษ์ต่อไป
ทีนาเช ฟาราโว โฆษกสำนักงานบริหารอุทยานและสัตว์ป่าของซิมบับเว แถลงว่า ซิมบับเวขายช้างกว่า 98 ตัวให้จีนและดูไบ ได้เงิน 2.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 85 ล้านบาท ซึ่งเงินที่ได้จากการขายช้างครั้งนี้ จะถูกนำมาใช้เพื่อสนับสนุนงานด้านการอนุรักษ์ สำนักงานบริหารอุทยานและสัตว์ป่า พยายามควบคุมประชากรช้างอย่างยากลำบากในอุทยานแห่งชาติ และว่า กระบวนการขายช้างครั้งนี้ ดำเนินการมากว่า 6 ปีแล้ว ส่วนหนึ่งก็เพื่อนำเงินมาดูแลช้างที่เหลือ ซึ่งต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก
ฟาราโว กล่าวด้วยว่า ระดับน้ำกำลังลดลงอย่างมากในแม่น้ำหลายสายในอุทยาน และเจ้าหน้าที่กำลังหาแหล่งน้ำทางเลือกเพื่อเลี้ยงสัตว์เหล่านี้ และยิ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้น เมื่อเกิดภาวะแห้งแล้ง
ด้านปริสกา มุพฟูมิรา รัฐมนตรีท่องเที่ยว กล่าวว่า ปัจจุบัน ซิมบับเวมีช้าง 85,000 ตัว และสามารถดูแลได้เพียง 55,000 ตัวเท่านั้น โดยช้าง 98 ตัว ถูกขนส่งทางอากาศไปยังอุทยานหลายแห่งในจีนและดูไบ และพวกมันถูกขายด้วยราคาตัวละตั้งแต่ 13,500 ดอลลาร์ ถึง 41,500 ดอลลาร์ พวกมันถูกส่งออกระหว่างปี 2555-2561
รัฐมนตรีท่องเที่ยว ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ว่า รัฐบาลซิมบับเวกำลังผลักดันให้มีการยกเลิกคำสั่งห้ามขายงาช้าง เพื่อปูทางไปสู่การขายงาช้างมูลค่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ บอตสวานา, นามิเบีย และแซมเบีย ซึ่งมีประชากรช้างแอฟริกามากที่สุด เป็นกลุ่มประเทศในแอฟริกาใต้ ที่ต้องการให้มีการยกเลิกคำสั่งห้ามค้างาช้าง ที่กำหนดขึ้นโดยอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือไซเตส
ในปี 2558 ซิมบับเว ประกาศขายสัตว์ป่าบางประเภท โดยบอกว่ามีความจำเป็นต้องการรักษาชีวิตพวกมัน จากปัญหาความแห้งแล้งที่กำลังรุมเร้า ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่ออุทยานและป่าสงวนแห่งชาติ ประชาชนและเกษตรกรในชุมชนชนบท มักบ่นอยู่เสมอเกี่ยวกับช้างบุกรุกพื้นที่การเกษตรและทำลายพืชผลทางการเกษตรด้วย