พปชร.สัมมนา ส.ส.ขับเคลื่อน ศก. สร้างรายได้ประชาชน

2019-05-14 16:40:22

พปชร.สัมมนา ส.ส.ขับเคลื่อน ศก. สร้างรายได้ประชาชน

Advertisement

พรรคพลังประชารัฐรวมพลังสร้างไทยจัดสัมมนาใหญ่ 115 ส.ส.ใหม่ พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้ประเทศ เพิ่มรายได้ประชาชน

เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ที่โรงแรม เดอะ ซายน์ พัทยาเหนือ จ.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จัดสัมมนาใหญ่ ส.ส ใหม่ ทั้ง 115 คน พร้อมกับกรรมการบริหารพรรค ระหว่างวันที่ 14-15 พ.ค. เพื่อหารือถึงแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจ เพื่อสร้างรายได้ให้พี่น้องประชาชนและประเทศ พร้อมรับฟังการบรรยายจาก ศ.กิตติคุณ ดร. บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เกี่ยวกับบทบาทและหน้าที่ ส.ส ตามรัฐธรรมนูญปัจจุบัน และร่วมระดมความคิดเห็นถึงปัญหาของพื้นที่ที่ต้องได้รับการแก้ไข การบริหารและการดำเนินการด้านเศรษฐกิจ การเมือง กฎหมายของพรรคพลังประชารัฐ ในสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคต ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก มีความพร้อม มุ่งมั่นที่จะช่วยกันทำหน้าที่เป็นตัวแทนพี่น้องประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อพัฒนาประเทศไปสู่อนาคตอันสดใส


นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้พูดถึงความพร้อมของพรรคในการเป็นแกนนำของการจัดตั้งรัฐบาลว่า พรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคที่มี ส.ส. มาจากทุกภาคของประเทศไทยอย่างสมดุล มีทั้ง ส.ส. ใหม่และ ส.ส. ที่เคยมีประสบการณ์ในช่วงที่ผ่านมาในสัดส่วนประมาณ 70 ต่อ 30 และมีทั้งผู้อาวุโสและคนรุ่นใหม่ ทำให้สามารถนำความรู้ประสบการณ์ที่มีในอดีต มาผสมผสานกับมุมมองของ ส.ส. ใหม่ และคนรุ่นใหม่ในการนำเสนอนโยบายที่เหมาะสมต่อการเปลี่ยนแปลงประเทศ

นายอุตตม ได้บรรยายเรื่อง “ทิศทางเศรษฐกิจไทย กับนโยบายพลังประชารัฐ” โดยโชว์วิสัยทัศน์ของพลังประชารัฐ ที่จะแก้ไขปัญหา ขับเคลื่อนปฏิรูปเศรษฐกิจ ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกเริ่มชะลอตัวและมีความผันผวนมากขึ้น โดยเน้น 3 กลุ่มภารกิจเร่งด่วน คือ 1.การเพิ่มกำลังซื้อด้วยเศรษฐกิจฐานราก 2.การปลดล็อกอุปสรรค เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ และ 3.การสร้างเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ และโครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคต ซึ่งจะเป็นภูมิคุ้มกันให้กับประเทศไทยจากเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนชะลอตัว และสอดรับกับแนวนโยบายหลักของพรรคพลังประชารัฐที่เน้น “ประชารัฐสร้างคน คนสร้างชาติ และประเทศไทยต้องรวย ด้วยพลังประชารัฐ” และ “ทำได้จริง ทำทันที”


นายอุตตม กล่าวว่า ความท้าทายหลักของไทยใน 2 ปีข้างหน้ามาจากโลกที่ผันผวนมากขึ้น จากการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลกและคู่ค้าหลักของไทย จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ตลอดจนจากราคาสินค้าเกษตรโลกที่ตกต่ำต่อเนื่อง ซึ่งทั้งหมด ได้เริ่มส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562 ที่ติดลบ 3.6% จากการหดตัวของการส่งออกในเกือบทุกอุตสาหกรรม และกระทบกับการส่งออกของประเทศอื่นๆ ในเอเชียเช่นกัน ทั้งนี้ ปัญหาจากภายนอกประเทศ ได้เริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศ ดังจะเห็นได้จากดัชนีการบริโภคภาคเอกชนที่เริ่มโตช้าลง และการปรับประมาณการณ์เศรษฐกิจลงของหน่วยงานหลักของภาครัฐ อย่างไรก็ดี แม้ความผันผวนความท้าทายจะมากขึ้น เสถียรภาพของเศรษฐกิจไทยโดยรวมมีความเข้มแข็ง มีการว่างงานต่ำ อัตราเงินเฟ้อต่ำ เงินสำรองระหว่างประเทศสูง และมีหนี้สาธารณะที่ต่ำกว่าเพดาน ทำให้รัฐบาลมีความสามารถที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้

นายอุตตม กล่าวด้วยว่า ในกลุ่มภารกิจเร่งด่วนแรก “การเพิ่มกำลังซื้อด้วยเศรษฐกิจฐานราก” งานสำคัญประกอบด้วย การเร่งดูแลราคาสินค้าเกษตรหลัก เช่น ข้าว ยาง มัน ปาล์ม อ้อย การลงทะเบียนบัตรประชารัฐรอบใหม่ การพักหนี้กองทุนหมู่บ้าน 3 ปี บ้านล้านหลัง ท่องเที่ยวประชารัฐ เอสเอ็มอี และโชห่วยประชารัฐ รวมทั้งการขับเคลื่อนโครงการมารดาประชารัฐ กลุ่มภารกิจเร่งด่วนที่สอง “การปลดล็อคอุปสรรค เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ” งานสำคัญประกอบด้วย นโยบาย สปก 4.0 การทบทวนกฏหมายระเบียบที่ไม่จำเป็น การทบทวนโครงสร้างอัตราภาษี และการคืนที่ค้าขายให้พ่อค้าแม่ค้าในเมือง เป็นต้น กลุ่มภารกิจเร่งด่วนสุดท้าย “การสร้างเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคต”ประกอบด้วย การเร่งการลงทุนขนาดใหญ่เพื่ออนาคต เช่น EEC SEC ขยายผลไปยัง NEC การสร้าง Smart Cities การยกระดับทุนมนุษย์ เพิ่มค่าจ้างตามทักษะ รวมถึงกองทุนตั้งตนสร้างอาชีพ และการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม S-curve และเศรษฐกิจดิจิตัล

ทั้งนี้นายอุตตม ยังได้หารือถึงกลไกและโครงสร้างการทำงานของพรรคพลังประชารัฐ เพื่อขับเคลื่อนนโยบาย และบทบาทของ ส.ส. ที่จะมาช่วยกัน “รวมพลังสร้างไทย” ให้รุ่งเรือง เพื่อลูกหลานคนไทยทุกคน