ศรีลังกาขยายเคอร์ฟิวในวันจันทร์หลังเกิดการโจมตีมัสยิดและห้างร้านธุรกิจที่มีเจ้าของเป็นชาวมุสลิมในเหตุการณ์ความไม่สงบที่เลวร้ายที่สุดตั้งแต่เกิดเหตุระเบิดถล่มโบสถ์และโรงแรมหรูหลายแห่งทั่วประเทศ ในวันอีสเตอร์ อาทิตย์ที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา โดยฝีมือของกลุ่มหัวรุนแรงมุสลิม และทางรัฐบาลยังได้บล็อกเฟซบุ๊ก และวอตส์แอพพ์ต่าง ๆ เพื่อสกัดกั้นการใช้สื่อสังคมออนไลน์ดังกล่าวยั่วยุให้เกิดความรุนแรง
ศรีลังกา ประเทศเกาะแห่งนี้ ต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เนื่องจากเกรงว่า ชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมในจำนวนประชากร 22 ล้านคนของประเทศ อาจเผชิญหน้ากับความรุนแรงทางเชื้อชาติ หลังมือระเบิดหัวรุนแรงทางศาสนา ก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีโรงแรมหรู 4 แห่ง และโบสถ์คริสต์ 3 แห่ง มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 250 ราย
สภามุสลิมแห่งศรีลังกาและประชาชน กล่าวว่า มัสยิดหลายแห่ง และบ้านเรือนชาวมุสลิม ถูกทำลายในการโจมตีเมื่อคืนที่ผ่านมา ในเขตอำเภอ คูรูเนกาลา ภาคตะวันตกของประเทศ เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวกลุ่มชายฉกรรจ์หลายคน ฐานก่อเหตุโจมตี แต่ประชาชนในเขตที่ประชาชนส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธ ก็เรียกร้องให้ปล่อยตัวพวกเขา
![](https://www.newtv.co.th/images/content/ct_20190513070152367.png)
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กล่าวว่า เพื่อควบคุมสถานการณ์ ซึ่งในช่วงบ่ายวันจันทร์ เจ้าหน้าที่ต้องประกาศใช้เคอร์ฟิวในเวลากลางคืน โดยได้ขยายเคอร์ฟิวเพิ่มในหลายหมู่บ้าน ในอำเภอคูรูเนกาลา เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย
เหตุระเบิดเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งกลุ่มนักรบรัฐอิสลาม หรือไอเอส อ้างความรับผิดชอบ ช็อกประชาชนทั่วประเทศ 22 ล้านคน ซึ่งมากกกว่าร้อยละ 70 เป็นชาวพุทธสิงหล และที่เหลือเป็นชาวมุสลิม, ฮินดู และคริสต์
![](https://www.newtv.co.th/images/content/ct_20190513070220414.png)
ตั้งแต่เกิดเหตุระเบิด ชาวมุสลิมกล่าวว่า พวกเขาได้รับคำขู่ และถูกก่อกวนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อคืนวันที่ผ่านมา มัสยิดอับราร์ ในเมืองคีนียามา ที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ก็ถูกโจมตี นอกจากนี้ ร้านค้าก็ถูกทำลายเสียหาย และมีการขว้างปาคัมภีร์อุลกุรอานด้วย