เยอรมนีประกาศปรับเงินพ่อแม่ที่ไม่พาลูกหลานไปรับวัคซีนป้องกันโรคหัด ขณะที่โรคหัดกำลังระบาดรุนแรงในยุโรป และทั่วโลก 
พ่อแม่ผู้ปกครองชาวเยอรมัน ซึ่งไม่ยอมพาลูกหลานไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด อาจต้องรับโทษถูกปรับเป็นเงินสูงถึง 2,500 ยูโร (2,800 ดอลลาร์สหรัฐ) หรือเกือบ 90,000 บาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของร่างกฎหมายจากเยนส์ สปาห์น รัฐมนตรีสาธารณสุขของเยอรมนี โดยตามเนื้อหาของบทสัมภาษณ์ของสปาห์น กับบิลด์ แอม ซอนแท็ก หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของเยอรมนีเมื่อวันอาทิตย์ และเผยแพร่โดยกระทรวงสาธารณสุขด้วย ระบุว่า เขาต้องการขุดรากถอนโคนโรคหัดให้หมดไป เด็กทุกคนที่จะเข้าอนุบาล หรือโรงเรียน ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด และกล่าวเพิ่มเติมว่า พ่อแม่ผู้ปกครองต้องมีหลักฐานพิสูจน์ว่าบุตรหลานฉีดวัคซีนแล้ว มิเช่นนั้นต้องถูกลงโทษปรับเงิน และต้องถูกกีดกันออกจากศูนย์เลี้ยงเด็ก
ข้อเสนอดังกล่าวมีขึ้น หลังจากมีรายงานว่า เยอรมนีเป็นหนึ่งในประเทศยุโรปที่มีผู้ติดโรคหัดสูงที่สุดระหว่างเดือนมีนาคม 2561 ถึงกุมภาพันธ์ ปีนี้ โดยมีผู้ติดเชื้อสูงถึง 651 คน จากข้อมูลของศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคติดต่อยุโรป หรืออีซีดีซี ซึ่งสูงที่สุดคืออิตาลี จำนวน 2,498 คน
ข้อเสนอล่าสุดมีขึ้นท่ามกลางการหวนกลับมาอีกครั้งของโรคหัดที่มีการระบาดอยู่ทั่วโลก ไล่ไปตั้งแต่ประเทศที่มีรายงานสูงในอเมริกาและยุโรป ไปจนถึงประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลาง ในเอเชียและแอฟริกา ซึ่งจุดชนวนให้เกิดความหวาดกลัวและการเข้าไม่ถึงวัคซีนและความเพิกเฉย
การศึกษาขององค์การยูนิเซฟ ที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พบว่า โรคหัดคร่าชีวิตประชาชนทั่วโลกไป 110,000 คน ในปี 2560 ส่วนใหญ่เป็นเด็ก ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 22 จากปีก่อน รายงานชิ้นนี้สรุปว่า ตัวเลขผู้ติดหัดเพิ่มขึ้น เนื่องจากเด็ก 20 ล้านคนต่อปี ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัดเข็มแรก
ทั้งนี้ เยอรมนี ไม่ใช่ที่แรกที่เสนอปรับเงินสำหรับเด็กที่ไม่ได้รับวัคซีน แต่เมื่อเดือนที่แล้ว นิวยอร์ก ซิตี้ ในสหรัฐก็ประกาศให้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้ ซึ่งกำลังมีการระบาดของโรคหัด หากไม่รับวัคซีน หรือไม่มีหลักฐานว่ารับวัคซีนมาแสดง อาจถูกปรับเป็นเงิน 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ