รวบแล้ว 9 หนุ่มยกพวกตะลุมบอนหน้าห้องฉุกเฉิน รพ.บางสะพานน้อย แจ้ง 3 ข้อหาหนัก
จากเหตุการณ์ 2 กลุ่มวัยรุ่นยกพวกตะลุมบอนหน้าห้องฉุกเฉินภายใน รพ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา ภายหลังจากไปเที่ยวงานสงกรานต์ที่ริมถนนสายบางสะพาน - หนองหัดไท พื้นที่หมู่ 2 ต.บางสะพาน อ.บางสะพานน้อย สร้างความตกใจให้กับญาติผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่กำลังปฏิบัติหน้าที่จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เกรงกลัวกฎหมาย
ต่อมาวันที่ 17 เม.ย. พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผบก.ภ.จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่าเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายหน้าห้องฉุกเฉินเกิดจากกลุ่มวัยรุ่น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มท่าม่วง ในพื้นที่ อ.บางสะพานน้อย และ กลุ่มเกาะยายฉิม ต.ร่อนทอง อ.บางสะพาน ก่อนเกิดเหตุทั้ง 2 กลุ่มได้เล่นน้ำสงกรานต์กันบริเวณบ้านหนองหัดไท ต.ปากแพรก อ.บางสะพานน้อย จากนั้นมีปากเสียงและชกต่อยกันจนมีผู้บาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าระงับเหตุพร้อมนำคนเจ็บไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ระหว่างที่เจ้าหน้าที่นำผู้บาดเจ็บเข้ารักษาที่ห้องฉุกเฉิน วัยรุ่นทั้งสองกลุ่มที่ตามมาก็มีปัญหาอีกจนเกิดมีการทะเลาะวิวาทชกต่อยภายในโรงพยาบาลตามหลักฐานในคลิป ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการควบคุมตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 2 กลุ่มแล้วมีทั้งหมดเป็นชาย 9 รายจากพยานหลักฐานทั้งหมด ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาหนักรวม 3 ข้อหานำตัวทั้งหมดดำเนินคดี
พ.ต.อ.ณัฐพล โกมินทรชาติ ผกก.สภ.บางสะพานน้อย กล่าวว่าพนักงานสอบสวนจะควบคุมตัวส่งฟ้องศาลภายในวันนี้ซึ่งจากพยานหลักฐานได้แจ้งข้อกล่าวหาประกอบด้วย 1.ร่วมกันทำร้ายร่างกายมีผู้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4,000 บาท 2.ร่วมกันทะเลาะอย่างอื้ออึงในที่สาธารณะ โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6,000 บาท และ 3.ข้อหาทำให้เสียทรัพย์ เป็นลหุโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท สำหรับมาตรการความปลอดภัยภายในโรงพยาบาลในอนาคตจะมีการวางแผนร่วมกันหลายฝ่ายทั้งการประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่รวมทั้งการจัดแผนเผชิญเหตุ
ด้านนายแพทย์สมพงษ์ พัฒนกิจไพโรจน์ ผอ.รพ.บางสะพานน้อย กล่าวว่าโรงพยาบาลเป็นสถานที่รักษาผู้เจ็บป่วยไม่ต้องการให้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีก เนื่องจากขณะเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ก็ต้องปิดล็อคห้องทำงานไว้เพื่อป้องกันเหตุการณ์ลุกลามเข้าไปในพื้นที่ที่ทำการรักษาผู้ป่วย นอกจากนั้นขณะเกิดเหตุมีประชาชนมานั่งรอรับการบริการแต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับอันตรายและบาดเจ็บจากเหตุวิวาท จากการพูดคุยเบื้องต้นกลุ่มผู้ก่อเหตุได้สำนึกผิด อย่านำไปเป็นแบบอย่าง แต่ส่วนตัวขอฝากว่าโรงพยาบาลทุกแห่งควรสงวนไว้เป็นเขตปลอดอาวุธ ปลอดการทำร้ายร่างกายกัน.