รัฐบาลเอธิโอเปียเปิดเผยรายงาน ที่กรุงแอดดิสอาบาบา เมื่อวันพฤหัสบดี ผลการสอบสวนเบื้องต้นเหตุโศกนาฏกรรมเครื่องบินโดยสารสายการบินเอธิโอเปีย แอร์ไลน์ ตก เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งทำให้ผู้ที่อยู่บนเครื่องเสียชีวิตทั้งลำรวม 157 ศพ โดยรายงานระบุว่า เครื่องบินประสบปัญหาระบบเซนเซอร์หลักอ่านข้อมูลผิดพลาด และนักบินประจำเครื่องทั้ง 2 คนปฏิบัติตามคู่มือแนะนำของบริษัทโบอิ้ง เมื่อเครื่องบินเริ่มดิ่งหัวปักลงพื้น แต่ไม่สามารถหลีกเหลี่ยงการตกได้
เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2562 เครื่องบินโบอิ้ง 737 แม็กซ์ 8 เที่ยวบิน อีที 302 ของเอธิโอเปีย แอร์ไลน์ บรรทุกผู้โดยสาร 149 คน นักบินและลูกเรือ 8 คน ออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติแอดดิสอาบาบา โบเล่ เมื่อเวลา 08.32 น. ตามเวลาท้องถิ่น มุ่งหน้าสู่กรุงไนโรบี เมืองหลวงเคนยา ที่อยู่ทางใต้ แต่เครื่องบินตกกระแทกพื้นจนแหลกละเอียดทั้งลำ หลังบินขึ้นสู่ท้องฟ้าได้เพียง 6 นาที
ผลการสอบสวนเบื้องต้นในรายงาน ซึ่งรวมถึง ข้อมูลเซนเซอร์ผิดพลาด ทำให้เกิดความเชื่อมโยงกันชัดเจนที่สุดจนถึงขณะนี้ ระหว่างการตกของเที่ยวบิน อีที 302 กับการตกของเครื่องบินรุ่นเดียวกัน เมื่อวันที่ 29 ต.ค.ปีที่แล้ว เที่ยวบิน 610 ของสายการบินไลอ้อน แอร์ ของอินโดนีเซีย ซึ่งตกหลังบินขึ้นจากสนามบินกรุงจาการ์ตาได้เพียง 13 นาที และทำให้ผู้โดยสารและลูกเสียชีวิตทั้งลำ 189 คน
รายงานจากการตรวจสอบกล่องดำ และกล่องบันทึกเสียงในห้องนักบิน เอธิโอเปีย แอร์ไลน์ แสดงให้เห็นว่า ระบบเซนเซอร์ผิดพลาด ทำให้นักบินสูญเสียการควบคุมเครื่องบิน โดยปัญหาเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่นาทีแรก ที่เครื่องบินบินขึ้นจากสนามบินโบเล่ นอกจากนั้น ค่าความเร็วอากาศและระดับความสูงทางปีกซ้ายของเครื่อง ขัดแย้งกับข้อมูลจากเซ็นเซอร์ของปีกขวา ทำให้เกิดปัญหาในการควบคุมเครื่อง จนในที่สุดนักบินไม่สามารถควบคุมเครื่องไม่ให้พุ่งดิ่งลงตกกระแทกพื้นได้