“นิด้าโพล”เผยคนหนุน "พท.-อนาคตใหม่" ตั้งรัฐบาล

2019-03-24 19:05:50

  “นิด้าโพล”เผยคนหนุน "พท.-อนาคตใหม่" ตั้งรัฐบาล

Advertisement

“นิด้าโพล”เผยคนอยากให้ พท.จับขั้วกับอนาคตใหม่ตั้งรัฐบาล รองลงมาได้แก่ ปชป.จับขั้วกับ พปชร.

เมื่อวันที่ 24 มี.ค. ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “การจับขั้วรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 19 – 20 มี.ค. 2562 จำนวน 1,253 หน่วยตัวอย่างเมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ประชาชนอยากให้ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ (รวม 15 อันดับแรก) อันดับ 1 ร้อยละ 25.78 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย & พรรคอนาคตใหม่ รองลงมา อันดับ 2 ร้อยละ 15.40 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์ & พรรคพลังประชารัฐ อันดับ 3 ร้อยละ 7.26 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย & พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 4 ร้อยละ 5.11 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 5 ร้อยละ 5.03 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย & พรรคพลังประชารัฐ และพรรคเพื่อไทย & พรรคอนาคตใหม่ & พรรคเสรีรวมไทย ในสัดส่วน ที่เท่ากัน

ส่วนกรณีที่ตอบว่าอยากให้พรรคการเมืองพรรคเดียวจัดตั้งรัฐบาล พบว่า ในจำนวนของผู้ที่ระบุว่าเป็นพรรคเพื่อไทย ส่วนใหญ่ ร้อยละ 3.11 ระบุว่า อยากให้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่ ร้อยละ 2.00 ระบุว่า ไม่อยากให้จับขั้วกับใคร ในจำนวนของผู้ที่ระบุว่าเป็น พรรคพลังประชารัฐ ส่วนใหญ่ ร้อยละ 1.75 ระบุว่า อยากให้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่ ร้อยละ 1.60 ระบุว่า ไม่อยากให้จับขั้ว กับใคร ส่วนในจำนวนของผู้ที่ระบุว่าเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนใหญ่ ร้อยละ 1.92 ระบุว่า อยากให้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่ ร้อยละ 0.95 ระบุว่า ไม่อยากให้จับขั้วกับใคร และในจำนวนของผู้ที่ระบุว่าเป็นพรรคอนาคตใหม่ ส่วนใหญ่ ร้อยละ 1.28 ระบุว่า ไม่อยากให้ จับขั้วกับใคร ขณะที่ ร้อยละ 0.72 ระบุว่า อยากให้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

ด้านความคิดเห็นต่อเศรษฐกิจไทยหลังการเลือกตั้ง 2562 และได้รัฐบาลใหม่ พบว่า ประชาชน ร้อยละ 74.30 ระบุว่า เศรษฐกิจไทยจะดีขึ้น ร้อยละ 20.27 ระบุว่า เศรษฐกิจไทยจะเหมือนเดิม ร้อยละ 4.63 ระบุว่า เศรษฐกิจไทยจะแย่ลง และร้อยละ 0.80 ระบุว่า ไม่แน่ใจ

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความคิดเห็นต่อปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองหลังการเลือกตั้ง 2562 และได้รัฐบาลใหม่ พบว่า ประชาชน ร้อยละ 42.38 ระบุว่า ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองจะลดลง ร้อยละ 43.10 ระบุว่า ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองจะเท่าเดิม ร้อยละ 13.65 ระบุว่า ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองจะเพิ่มขึ้น และร้อยละ 0.87 ระบุว่า ไม่แน่ใจ