ประหารชีวิต! “ผู้กองเหน่ง” ฆ่าโหด ผอ.อ้อย

2019-03-14 13:20:43

ประหารชีวิต! “ผู้กองเหน่ง” ฆ่าโหด ผอ.อ้อย

Advertisement

ศาลจังหวัดกันทรลักษ์ มีคำสั่งประหารชีวิต ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือผู้กองเหน่ง หลังพยานหลักฐานมัดแน่นว่าเป็นผู้ลงมือฆ่า “ผอ.อ้อย” แล้วนำศพไปทิ้งในป่า

วันที่ 14 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาล จ.กันทรลักษ์ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายบุญเลิศ อุ่นอ่อน อายุ 63 ปี และนางแหลม อุ่นอ่อน อายุ 61 ปี พ่อและแม่ของ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อนหรือ ผอ.อ้อย อายุ 37 ปี อดีต ผอ.กองการศึกษา อบต.ชำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วยญาติพี่น้องได้เดินทางมารับฟังการอ่านคำพิพากษาคดีเลขดำที่ 81/61 ซึ่งพนักงานอัยการกันทรลักษ์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือผู้กองเหน่ง อดีตนายทหาร ซึ่งเคยปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณเขาพระวิหาร ในฐานความผิดต่อชีวิต เนื่องจากตกเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่าโหด ผอ.อ้อย

ทั้งนี้ ศาลจังหวัดกันทรลักษ์ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ อ่านคำพิพากษา คดีเลขดำที่ 81/61 ที่พนักงานอัยการกันทรลักษ์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือผู้กองเหน่ง จำเลยที่ 1 นางสุชาวดี ปทุมอินทร์ จำเลยที่ 2 นายวิฑูรย์ ท้าวแก้ว จำเลยที่ 3 และ นายประกรรษวัต คณะพันธ์ จำเลยที่ 4  ในฐานความผิดต่อชีวิต,ความผิดต่อเจ้าพนักงาน,ความผิดเกี่ยวกับเอกสาร,ความผิดเกี่ยวกับบัตรอิเล็กทรอนิกส์,ลักทรัพย์ และรับของโจร กรณีอุ้มฆ่าโหด น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หรือ ผอ.อ้อย อายุ 37 ปี นำศพไปทิ้งอำพรางในป่าชายแดน ข้างฐานทหารแห่งหนึ่งที่ จ.อุบลราชธานี  




คดีนี้สืบเนื่องจาก เมื่อปี 2560 น.ส.จุฑาภรณ์ หรือ ผอ.อ้อย อายุ 37 ปี ผอ.กองการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม อบต.ชำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งหายตัวไปนาน 4 เดือน กระทั่งพบศพถูกทิ้งอยู่ห่างจากฐานปฏิบัติการอนุพงศ์ กองร้อยทหารพรานที่ 2305 อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ในสภาพเหลือแต่โครงกระดูก

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์ แล้วเห็นว่าการสืบสวนสอบสวนเป็นขั้นตอน มีพยานบุคคล พยานเอกสาร และพยานอิเล็กทรอนิกส์อ้างอิงเป็นลำดับ ยากต่อการปรักปรำจำเลย ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังทำให้ผู้ตายปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และฆ่าผู้ตาย ฐานลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพเพื่อปิดบังสาเหตุแห่งการตาย ฐานลักทรัพย์โทรศัพท์มือถือ ลักทรัพย์รถยนต์ สร้อยคอทองคำ และเงินสด ลงโทษประหารชีวิตสถานเดียว 



ส่วนจำเลยที่ 2-4 ศาลพิเคราะห์หลักฐานของโจทก์ ฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 2-4 ร่วมกันลักทรัพย์โทรศัพท์มือถือ รถยนต์ สร้อยคอทองคำ และแหวนทองคำ หรือรับของโจรดังกล่าวของผู้ตาย และฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2-4 ร่วมกันปลอมแปลงและใช้เอกสารปลอม จึงยกฟ้องจำเลยที่ 2-4