โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ชี้ “อภิสิทธิ์”แถลงตัวตนชัดเจนจับมือ พปชร. ตั้งรัฐบาล ตัดตอนเฉพาะตัว “พล.อ.ประยุทธ์” เพียงคนเดียว
เมื่อวันที่ 11 มี.ค. น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ประกาศจุดยืนไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อว่า ได้ฟังการแถลงข่าวล่าสุดของพรรคประชาธิปปัตย์แล้ว ทำให้เห็นถึงความชัดเจน เผยให้เห็นอย่างโล่งโจ้งจนนำมาสู่คำถามที่น่าสนใจว่า 1.พรรคประชาธิปัตย์จะจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพลังประชารัฐเท่านั้นใช่หรือไม่ และ 2.ในการจับมือกับพรรคพลังประชารัฐก็เพื่อที่จะให้พรรคพลังประชารัฐสนับสนุนผู้นำพรรคตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี โดยอาศัยกระแสการต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช่หรือไม่ จึงได้พยายามตัดตอนให้เรื่องการสืบทอดอำนาจ คสช. เท่ากับตัว พล.อ.ประยุทธ์ เพียงคนเดียวเท่านั้น โดยไม่พูดถึงพรรคพลังประชารัฐ
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวต่อว่า สำหรับพรรคอนาคตใหม่ เราย้ำชัดเจนว่า การปฏิเสธการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร ไม่ใช่แต่เพียงการปฏิเสธ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ยังหมายถึงการปฏิเสธพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นมาเพื่อที่จะหนุน พล.อ.ประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ยังหมายถึงการปฏิเสธระบบการเมืองและกลไกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญ 2560 ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี หรือแม้แต่ สว.250 คน ด้วย
"เราเห็นว่า พรรคพลังประชารัฐตั้งขึ้นเพื่อสืบทอดอำนาจรัฐบาล คสช.โดยตรง ซึ่งไม่รู้ว่าทำไมพรรคประชาธิปัตย์ทำเป็นมองไม่เห็นในเรื่องนี้ และการที่บอกว่าจะไม่ร่วมกับพรรคที่ทุจริต ถามว่าในรัฐบาล คสช. ที่อ้างว่าเข้ามาปราบโกง ซึ่งหลายคนไปร่วมก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐนั้น มีการทุจริตและใช้อำนาจอย่างฉ้อฉลหรือไม่ การอ้างว่าเข้ามาปราบโกงนั้นล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง มิหนำซ้ำยังแย่กว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งด้วยซ้ำ เพราะประชาชนและสื่อมวลชนต่างๆ ไม่สามารถตรวจสอบความฉ้อฉลนี้ได้เลย อย่างไรก็ตาม การแถลงข่าวของพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังมีเรื่องที่พรรคอนาคตใหม่เห็นด้วย และเราย้ำมาหลายครั้ง ซึ่งน่าจะเป็นฉันทามติวันนี้แล้วว่า ความขัดแย้งทางการเมืองในอนาคต จะมาจากการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร นี่เป็นเงื่อนไขให้เกิดความขัดแย้งมากที่สุด เพียงแต่การสืบทอดอำนาจ ไม่สามารถจำกัดเฉพาะตัว พล.อ.ประยุทธ์ อย่างที่พรรคประชาธิปัตย์พยายามทำให้สังคมเข้าใจ" น.ส.พรรณิการ์ กล่าว
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวอีกว่า ในกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์พยายามผลักให้การที่ประชาชนและพรรคการเมืองต่อต้านการสืบทอดอำนาจ คสช. ผ่านพรรคพลังประชารัฐกลายเป็นหลุมพรางของเครือข่ายทักษิณนั้น เรามีข้อสังเกตและขอถามกลับว่า นี่ถือเป็นหลุมพรางของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ ที่ทำทีเป็นต่อต้านประยุทธ์แต่ต้องการอาศัยการสนับสนุนจากพรรคพลังประชารัฐเพื่อผลักดันให้ประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพราะก็ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในการแถลงข่าววันนี้แล้วว่า หากพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นรัฐบาลได้ ก็ต้องจับมือกับพรรคพลังประชารัฐเท่านั้น
ส่วนกระแสข่าวว่า น.ส.ฐิติมา ฉายแสง อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 ฉะเชิงเทรา พรรคไทยรักษาชาติที่ถูกยุบ ซึ่งเป็นน้องสาวของ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ ได้ประกาศสนับสนุนผู้สมัครพรรคอนาคตใหม่ โดยเชิญชวนให้ วันที่ 24 มี.ค.นี้ เข้าคูหากาพรรคฝั่งประชาธิปไตย เขต 1 ฉะเชิงเทรา เลือกพรรคอนาคตใหม่นายกิตติชัย เรืองสวัสดิ์ เบอร์ 10 นั้น น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณคุณฐิติมา ที่เชิญชวนประชาชนในเขตเลือกตั้งของตนเองให้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากเล็งเห็นว่าพรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคที่ชัดเจนในการต้านสืบทอดอำนาจ คสช. ซึ่งเรื่องนี้อุดมการณ์ของเราชัดเจน ธงประชาธิปไตยของเราชัดเจนและย้ำมาโดยตลอดว่า การเลือกตั้ง 24 มีนาคมนี้ ถ้าฝ่ายเผด็จการจะใช้การเลือกตั้งเป็นเครื่องมือในการสืบทอดอำนาจ พรรคอนาคตใหม่ก็อยากจะเชิญชวนประชาชนออกไปใช้สิทธิ์ให้มากที่สุด ใช้การเลือกตั้งครั้งนี้พิพากษาเผด็จการ และเดินหน้าไปสู่ 3 ยุติ นั่นคือ 1.ยุติการสืบทอดอำนาจของ คสช. 2.ยุติวงจรรัฐประหารซ้ำซาก และ 3.ยุติการเมืองแบบเก่าและเริ่มต้นการเมืองแบบใหม่ที่สร้างสรรค์.