“อภิสิทธิ์”ยันไม่สนับสนุน “บิ๊กตู่” ไม่ร่วมรัฐบาล พท. ประกาศชัดถ้า พปชร. จะเข้าร่วมกับ ปชป.จัดตั้งรัฐบาล ต้องไม่มีการสืบทอดอำนาจ ทั้งตัว “บิ๊กตู่” คำสั่ง ประกาศ คสช.ที่ขัดกับหลักประชาธิปไตย ถ้าไม่ได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล พร้อมเป็นฝ่ายค้าน
เมื่อวันที่ 11 มี.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แถลงจุดยืนทางการเมืองว่า การประกาศว่าไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีกนั้น เป็นการพูดในฐานะหัวหน้าพรรค และเป็นอุดมการณ์พรรคที่ต้องการทำงานการเมืองอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้ผู้เลือกตั้งมีสิทธิได้รับทราบจุดยืนของแต่ละพรรค ถ้าการประกาศจะทำให้เสียคะแนนก็ยินดี แต่เรื่องนี้จะไม่นำไปสู่ความขัดแย้งใด และไม่ได้บังคับให้ใครเลือกข้างหรือตัวบุคคล เพราะอนาคตของประเทศเกินเลยไปกว่าเรื่องตัวบุคคล พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ไม่ใช่พรรคร่วมรัฐบาล และต้องอยู่ภายใต้พื้นฐานอุดมการณ์ของพรรค คือ ไม่เอาการทุจริตและการสืบทอดอำนาจ แต่การจัดตั้งรัฐบาลก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะดูผลการเลือกตั้งก่อน
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า สำหรับพรรคเพื่อไทยยังมีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังไม่ออกมาจากการครอบงำของคนกลุ่มเล็กๆที่มีผลประโยชน์ขัดกับผลประโยชน์ของคนในประเทศ เราจะไม่ยอมให้เขาร่วมรัฐบาลด้วย ขณะเดียวกัน ตนไม่ตกหลุมพรางของพรรคเพื่อไทย (พท.) ที่จะสร้างกระแสให้เราร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เพราะถ้าพรรคพลังประชารัฐคิดสืบทอดอำนาจเราก็ไม่ร่วมด้วย สำหรับพรรคพลังประชารัฐถ้าจะเข้าร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้งรัฐบาล ต้องไม่มีการสืบทอดอำนาจ ทั้งตัวบุคคลคือ พล.อ.ประยุทธ์ และมรดกที่ขัดกับหลักประชาธิปไตย คือ คำสั่งและประกาศ ของ คสช.ที่ขัดกับหลักประชาธิปไตยและนโยบายของพรรค ไม่เคารพสิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์จะเข้าไปสะสางอยู่แล้ว ส่วนเงื่อนไขอื่นๆ ตนยังนึกไม่ออกว่าถ้าเขาไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ แล้วเป็นอย่างไร เพราะผู้บริหารของพรรคเขาหลายคนก็ไม่ได้ลงสมัครเป็น ส.ส. ซึ่งหากคนของเขาเข้าสภา เขาจะมีตัวหลักอยู่ที่ ส.ส.
“ผมไม่มีปัญหากับ พล.อ.ประยุทธ์ เคยผูกพันจากที่เคยทำงานด้วยกันมาในช่วงที่ยากลำบาก พล.อ.ประยุทธ์เคยให้ช่วยแก้ปัญหาในตอนที่เป็นนายกฯ และปฏิเสธไม่ได้ว่าประชาชนขอบคุณที่ พล.อ.ประยุทธ์พยายามทำให้ประเทศสงบ แต่การตัดสินใจของผมครั้งนี้จะเอาความสัมพันธ์ส่วนตัวมารวมไม่ได้ ต้องคิดถึงประเทศในระยะยาว ผมยืนยันว่าความขัดแย้งในอนาคตจะเกิดขึ้นได้ ถ้ามีการสืบทอดอำนาจ และพล.อ.ประยุทธ์ถือเป็นศูนย์กลางของเงื่อนไขความขัดแย้งที่ง่ายที่สุดหลังการเลือกตั้ง ส่วนที่มีคำถามว่าหลังการเลือกตั้ง ถ้าไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ บ้านเมืองอาจเกิดความขัดแย้งขึ้นมาอีกหรือไม่นั้น คิดว่าสถานการณ์ในประเทศกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ทุกฝ่ายได้เรียนรู้ และไม่ต้องการให้เกิดความวุ่นวายอีก ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงพร้อมทำงานให้ไม่เกิดความขัดแย้งขึ้นอีก”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า แปลกใจพูดชัดขนาดนี้แต่กลับกล่าวหาว่ากั๊ก ขอเปรียบเทียบกับคำตอบของพรรคอนาคตใหม่ในเวทีดีเบตที่เคยบอกว่าถ้าพรรคพลังประชารัฐบอกว่าจะไม่สืบทอดอำนาจ ไม่เอา คสช. ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ อนาคตใหม่ยังร่วมรัฐบาลกับพลังประชารัฐได้ แต่ทำไมเวลาตนพูดแบบเดียวกัน กลับถูกมองว่ากั๊ก ทั้งที่มีพรรคอนาคตใหม่เป็นเพื่อน เพราะเป็นคำตอบเดียวกันบนเวทีดีเบต เมื่อถามว่าถ้า ปชป.ไม่ได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล แต่กลับเป็นพรรคพลังประชารัฐหรือพรรคเพื่อไทยได้เสียงข้างมากเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เราต้องการประกาศตัวเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ไม่ใช่ประกาศตัวเป็นฝ่ายค้าน แต่ถ้าพรรคไม่ได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล เราพร้อมเป็นฝ่ายค้าน ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นภาคประชาธิปไตยสุจริต ขอเตือนว่าถ้าใครยังเชื่อว่าการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นเพียงวาทกรรม ประเทศจะกลับมาเกิดวิกฤตอย่างแน่นอน ต่อข้อถามว่า หากการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี มีส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์บางคนไปยกมือเลือกนายกรัฐมนตรีจากพรรคอื่น พรรคจะจัดการอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พรรคจะต้องดำเนินการกับคนที่ไม่รักษาอุดมการณ์ของพรรคอยู่แล้ว เพราะถือว่าขัดกับข้อบังคับพรรคอยู่แล้ว ตนมั่นใจว่าสามารถจัดการได้ ไม่มีงูเห่าแน่นอน