เฒ่าหึงโหด!บีบคอฆ่าเมีย สารภาพสุดแค้นฝ่ายหญิงมีชู้

2019-03-10 10:37:22

เฒ่าหึงโหด!บีบคอฆ่าเมีย สารภาพสุดแค้นฝ่ายหญิงมีชู้

Advertisement

ทำแผนสามีเฒ่าหึงโหดบีบคอฆ่าเมีย สารภาพสิ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย..ระบุเมียมีชู้กับชายอื่น นำโรคหนองในมาติด ก่อนญาติของชู้ร้องผู้ใหญ่ว่าถูกกล่าวหาต้องเสียเงิน 5,000 บาท ก่อนจะบีบคอขู่ให้เมียสารภาพ หลังจากเมียสาวสารภาพยิ่งโมโหบีบคอตายคามือและนำไปฝัง

จากกรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธร ศีขรภูมิ (สี-ขอ-ระ-พูม) อ.ศรีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ได้รับ แจ้ง จาก เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรเมืองราชบุรี ว่ามีคนร้ายเดินทางไปมอบตัว คือ นายสมเดช แก้วสว่าง อายุ 62 ปี อยู่บ้านทุ่งรูง ม.6 ต.ผักไหม อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ พร้อมกับบอกสาเหตุรายละเอียดที่ตนเองได้กระทำลงไปว่า ตนเองบีบคอฆ่าภรรยาแล้วฝังดินไว้ที่สระน้ำที่กำลังจะแห้ง ท้ายหมู่บ้านทุ่งรูง ต.ผักไหม อ.ศีขรภูมิ

หลังจากรับแจ้งเรื่องแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศีขรภูมิ โดย พ.ต.อ.สมชาย คมพยัคฆ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธณศีขรภูมิ ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ประสานหน่วยงานทั้งอาสากู้ชีพ อาสากู้ภัย ในพื้นที่ ต.ผักไหม ผู้นำท้องถิ่น เจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆในพื้นที่ใกล้เคียง ที่เกิดเหตุ เดินทางเข้าตรวจสอบ ตามพิกัดที่ได้รับแจ้งมา จนกระทั่งพบสระน้ำขนาดใหญ่ ความลึกถึงก้นสระน้ำประสาน 3 เมตร และน้ำกำลังแห้ง ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 700 เมตร ก้นสระน้ำพบหน้าดินคล้ายๆ กับมีการเพิ่งขุดและฝังกลบสิ่งของบางอย่าง




จากนั้นเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัย และอาสากู้ชีพ กู้ภัยสุรินทร์จุดศีขรภูมิ และ อาสาสมาคม วีอาร์กู้ชีพสุรินทร์ จุดศรีณรงค์ ได้ทำการขุด จนกระทั่งพบศพถูกฝังลึก ประมาณ 1 เมตร จากนั้น ได้ นำศพขึ้นมา ทราบชื่อผู้ตายคือ นางเมา แก้วสว่าง อายุ 44 ปี เป็นคนบ้านขนาดมอญ อ.สังขะ จ.สุรินทร์ โดยแพทย์เวร รพ.ศีขรภูมิ ตรวจพลิกศพในที่เกิดเหตุเบื้องต้น ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดสุรินทร์ เข้าเก็บหลักฐานต่างๆในที่เกิดเหตุ จากนั้นได้ให้เจ้าหน้าที่ นำถุงห่อศพ นำศพส่ง รพ.สุรินทร์เพื่อชันสูตรหาสาเหตุของการเสียชีวิตในครั้งนี้ ซึ่งขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าขุดค้นหาศพ บริเวณใต้ก้นสระน้ำ ปรากฏว่าได้มีประชาชน จำนวนมาก ที่ทราบข่าวพากันเดินทางมายืนมุงดูการค้นหาศพเป็นจำนวนมาก ต่างก็พากันวิพากย์วิจารณ์ถึงความโหดร้ายใจเย็นของคนร้าย ซึ่งเป็นสามีของผู้เสียชีวิต เนื่องจากเป็นที่สะเทือนขวัญของประชาชนในพื้นที่

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ควบคุมตัว นาย สมเดช แก้วสว่าง อายุ 62 ปี ผู้ต้องหา ซึ่งเป็นสามีเฒ่าผู้ก่อคดีหึงโหด ฆ่าฝังดินภรรยาสาว มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยได้นำตัวผู้ต้องหา ไปกราบขอขมาแม่ของผู้ตาย ซึ่งมีอายุมากแล้ว จากนั้นได้ไปกราบขอขมาศพ นางเมา แก้วสว่าง ภรรยาสาว ด้วยสีหน้านิ่งเฉย โดยมีญาติพี่น้องที่มาร่วมงานต่างก็พากันดูเหตุการณ์ อยู่ห่างๆ จากนั้นได้นำผู้ต้องหา ไปที่บ้านที่ลงมือก่อเหตุฆ่าบีบคอนางเมา จนกระทั่งเสียชีวิต ซึ่งเป็นบ้านของผู้ต้องหาเอง ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบ้านแม่ของผู้ตายมากนัก โดยมีลูกสาวของผู้ต้องหา ซึ่งเป็นลูกกับเมียคนก่อน ก่อนที่จะมาได้กับนางเมามาดูแล ผู้เป็นพ่ออย่างใกล้ชิด



หลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บ้านขนาดมอญ แล้วก็ได้นำผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่หนองน้ำบ้านทุ่งรูง ต.ผักไหม อ.ศีขรภูมิ โดยมีชาวบ้านที่ทราบข่าวการทำแผนประกอบคำรับสารภาพมาดูเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก แต่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงแต่อย่างใด การทำแผนเป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย นายสมเดช ผู้ต้องหา อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านตนเอง และเดินทางมากับตำรวจ พร้อมชี้จุดขับรถนำศพ นางเมามาฝังดินใต้ก้นสระน้ำ ที่กำลังแห้งขอด ด้วยท่าทางและสีหน้านิ่งเฉย เล่าเหตุการณ์ต่างๆที่ทำลงไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟังอย่างใจเย็น ก่อนเดินไปชี้จุดประกอบคำรับสารภาพ โดยมี พ.ต.ท.สมพงษ์ แก่นจักษ์ รอง ผกก. สภ.ศีขรภูมิ และ พ.ต.ต.วิทวัส แก้วเหลา พนักงานสอบสวนเวร ควบคุมการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

ผู้ต้องหาได้ให้เล่าเหตุการณ์ให้กับเจ้าหน้าที่ฟังว่า สาเหตุมาจากที่เมียโกหกตนเองว่าไม่ได้เป็นชู้กับใคร ผู้ต้องหาจับได้ว่าเมียไปมีชู้กับคนชื่อเฮง (นามสมมติ) เพราะตนเองได้รับเชื้อโรค มาติด จึงโมโหเห็นว่าเมียโกหกตนเอง และในขณะเดียวกันทางญาติของนายเฮง ได้ยินตนเองกล่าวหาลูกเขามาเป็นชู้กับเมียตนเอง ก็ไปที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน เรียกค่าเสียหายปรับตนเองไป 5,000 บาท ด้วยความโมโหก็เลยบีบคอบังคับให้สารภาพ เมียก็เลยบอกว่ามีชู้จริง ตนเองจึงยิ่งโมโหหนักเลยบีบคอจนตายคามือ จากนั้นก็นำศพมาฝังบริเวณดังกล่าวใช้เวลาประมาณ 20 นาทีในการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ทุกข้อกล่าวหาจากนั้น จนท.ตำรวจจึงรีบควบคุมผู้ต้องหาขึ้นรถตู้กลับ ที่ สภ.ศีขรภูมิ ทันที โดยที่ไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น