“สุริยะ”โต้ข่าวหารือทหาร มั่นใจกวาด ส.ส.150 ที่นั่ง

2019-03-09 21:45:12

“สุริยะ”โต้ข่าวหารือทหาร มั่นใจกวาด ส.ส.150 ที่นั่ง

Advertisement

“สุริยะ”ปฏิเสธแกนนำ พปชร. หารือทหารถอดใจปมได้ที่นั่ง ส.ส.แค่ 60 โว  มั่นใจกวาด 150 ที่นั่ง วอนหยุดใส่ร้าย เอาเวลาไปหาเสียงโค้งสุดท้ายจะดีกว่า 

เมื่อวันที่ 9 มี.ค. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคอีสาน พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่มีการวิจารณ์ว่า พรรคพลังประชารัฐใช้งบประมาณมหาศาลในนโยบายต่างๆ ว่า เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค ได้พูดคุยกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โดยพบว่า นโยบายทุกโครงการที่พรรคนำเสนอต่อประชาชน ทำได้จริง ไม่กระทบต่อหนี้สาธารณะของประเทศ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ทุกพรรคการเมืองพร้อมสานต่อบัตรประชารัฐ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ประกาศจะยกเลิก มีความเห็นอย่างไร นายสุริยะ กล่าวว่า นี่ย่อมสะท้อนให้เห็นว่า บัตรประชารัฐตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง จนทุกพรรคนำแนวทางนี้ไปหาเสียง แต่อยากขอย้ำว่า เรื่องดังกล่าวผู้ที่เข้าใจและทำได้ดีที่สุดคือพลังประชารัฐ จึงอยากให้ประชาชนเลือกของแท้ ซึ่งดีกว่าของก็อปปี้แน่นอน


เมื่อถามต่อว่า มีกระแสข่าวว่านายสุริยะ และแกนนำพรรคพลังประชารัฐไปหารือฝ่ายทหาร และได้รับข้อมูลว่าพรรคได้คะแนน ส.ส.ทั่วประเทศเพียง 60 ที่นั่ง จนแกนนำบางคนถอดใจ นายสุริยะ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง และยืนยันว่า พลังประชารัฐกับทหารไม่เกี่ยวกัน ตนและแกนนำพรรคก็ไม่เคยไปพบทหารเพื่อประเมินสถานการณ์และขอยืนยันว่า เป้าหมายที่พรรคจะได้ ส.ส.ก็ไม่เคยเปลี่ยน คือ 150 ที่นั่งขึ้นไปอย่างแน่นอน

เมื่อถามว่า มีการกล่าวหาว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่กล้าร่วมเวทีปราศรัยของพรรคพลังประชารัฐ แต่ใช้วิธีลงพื้นที่ตรวจราชการแทนเหมือนเป็นการช่วยหาเสียงทางอ้อม นายสุริยะ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่มาอย่างต่อเนื่องและทำมาก่อนหน้านี้ ไม่ได้เพิ่งมาทำตอนพลังประชารัฐหาเสียง ซึ่งขอยืนยันว่า ไม่เกี่ยวกัน และขอให้พรรคการเมืองต่างๆเลิกโจมตีประเด็นนี้และเอาเวลาไปหาเสียงนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนจะดีกว่า เพื่อให้ประชาขนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น อย่างเช่น พรรคพลังประชารัฐ ได้นำเสนอนโยบายที่เป็นประโยชน์และทำได้ทันทีหากเป็นรัฐบาล อย่าง บัตรประชารัฐ มารดาประชารัฐ ที่ดูแลตั้งแต่ตั้งครรภ์ถึง 6 ปี รวม 181,000 บาท นอกจากนี้ยังมีนโยบายผลักดัน ราคามันสำปะหลัง ให้อยู่ที่กิโลกรัมละ 3 บาทขึ้นไป ราคายางพารา กิโลกรัมละ 65 และ อ้อย ตันละ 1,200 บาท เป็นต้น