“ชามิมา เบกุม” กับชีวิตที่ไม่มีวันหวนกลับ

2019-03-09 07:25:53

“ชามิมา เบกุม” กับชีวิตที่ไม่มีวันหวนกลับ

Advertisement

น่าเศร้า ดูเหมือนจะไม่มีอะไรดี สำหรับวัยรุ่นสาวชาวเมืองผู้ดีอังกฤษ “ชามิมา เบกุม” สาวน้อยวัยใส 15 หยก ๆ ยังไม่ถึง 16 หย่อน ๆ ที่กล้าตัดสินใจด้วยตัวเอง หลบหนีออกจากกรุงลอนดอน พร้อมเพื่อน 2 คนจากโรงเรียนเบธนอล กรีน อะคาเดมี ตะวันออกของกรุงลอนดอน อาสาไปเป็นเจ้าสาวให้นักรบไอเอสในซีเรีย ตั้งแต่ปี 2558 ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า มันคือนรกบนดิน ไม่ใช่วิมานชั้น 7 ที่ควรไปแน่ ๆ เมื่อเธอเข้าสู่สมรภูมิซีเรียได้ไม่ถึงเดือน เธอก็สมใจปรารถนา ด้วยการแต่งงานเป็นเจ้าสาวให้กับนักรบไอเอส ชาวเนเธอร์แลนด์ จนมีลูกด้วยกัน 2 คน แต่ในพื้นที่สงคราม ที่มีการสู้รบและกวาดล้างกันอย่างดุเดือด ไม่มีอะไรที่เป็น “สัปปายะ” หลายประเทศต่างรุมกินโต๊ะกลุ่มไอเอส ที่ก่อกรรมทำเข็ญต่อมนุษยชาติอย่างเหี้ยมโหด

เมื่อเธอเลือกเดินเส้นทางนี้ เธอก็ต้องยอมรับชะตากรรมให้ได้ มันยากที่จะหวนคืนสู่ชีวิตปกติ มันยากที่จะให้ใครต่อใครยอมรับเธอและสามี มือเปื้อนเลือด กลับคืนสู่ประเทศ แม้จะร้องขอแทบเลือดตากระเด็นก็เถอะ

ด้วยภาวะสงครามที่ยืดเยื้อหลายปี ความอดยาก ความไม่สะดวกสบาย และโรคภัยไข้เจ็บ ก็จะเป็นของคู่กันเสมอ ที่สุด ลูก 2 คนแรกของเธอ ที่อายุยังน้อย ก็ต้องลาโลกไปก่อนวัยอันควร ด้วยภาวะความอดอยาก ขาดอาหาร และโรคร้ายรุมเร้า โชคดีที่เธอยังรักษาชีวิตอันมีค่าของตัวเองเอาไว้ได้ ในขณะที่ นักรบไอเอสถูกบดขยี้อย่างรุนแรง พ่ายแพ้และถอยร่นครั้งแล้วครั้งเล่า สูญเสียฐานที่มั่นในอิรัก ต้องกลับไปปักหลักอยู่ในซีเรีย เหลือฐานที่มั่นเท่าแมวดิ้นตาย ณ หมู่บ้านบากูซ ภาคตะวันออกของซีเรีย แค่รอเวลานับถอยหลังเท่านั้น เพราะกองทัพประชาธิปไตยซีเรีย หรือเอสดีเอฟ ที่ได้รับการสนับสนุนด้านอาวุธยุทโธปกรณ์จากกองทัพสหรัฐ ปิดล้อมไว้แล้ว รอให้พลเรือนอพยพออกให้หมด ก่อนเริ่มปฏิบัติการบอมบ์ “กวาดล้างให้สิ้นซาก” พลเรือนส่วนหนึ่งก็คือลูกเมีย ครอบครัวของนักรบไอเอสนั่นเอง




นักรบไอเอส รู้ตัวว่าต้องถูก “จัดหนัก จัดเต็ม” แน่ ๆ จึงชิงมอบตัวหลายร้อยคน ส่วนที่เหลือหลบหนี แต่ก็ไม่รอด หรือหากคิดปักหลักสู้ กำลังแค่หยิบมือเดียว ยังมองไม่เห็นทางรอดอยู่ดี ศึกนี้ คือสมรภูมิสุดท้ายในซีเรีย สหรัฐไม่มีคลาย ต้องบีบและจัดการให้เด็ดขาดอย่างเดียว ก่อนถอนกำลังทหารของตนออกจากซีเรียอย่างเท่ ๆ super cool พร้อมประกาศชัยชนะของตน และความพ่ายแพ้อย่างหมดรูปของไอเอส ตามความปรารถนาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการนำทหารอเมริกันกลับบ้านโดยด่วน แผ่นดินซีเรียและอิรัก ไม่มีที่ว่างสำหรับไอเอสอีกต่อไป

ไม่แปลกที่นักข่าวพบตัว ชามิมา เบกุม ในค่ายผู้ลี้ภัยแห่งหนึ่งในซีเรีย เพราะเธอก็รักตัวกลัวตาย จำต้องเผ่นหนีออกจากหมู่บ้านบากูซ อย่างกระเซอะกระเซิงเช่นกัน อย่างที่บอก เส้นทางที่เธอเลือกแล้ว เธอต้องยอมรับและอยู่กับมันให้ได้ เธอหลบหนีมาอยู่ที่ค่ายผู้ลี้ภัยพร้อมกับท้องลูกคนที่ 3 และคลอดลูกชายเมื่อเดือนที่แล้ว อายุยังไม่ทันได้ 3 สัปดาห์ ความตาย ก็มาพรากลูกน้อยไปจากอกเธออีกคนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ด้วยอาการติดเชื้อในปอด หายใจติดขัด จะบอกว่า ผีซ้ำด้ำพลอย เคราะห์ซ้ำกรรมซัด หรือชีวิตติดกรรม ก็คงไม่ผิด เธอให้กำเนิดลูก 2 คนกลางสมรภูมิรบ และอีกคนในค่ายผู้ลี้ภัย แต่มัจจุราชก็ไร้เมตตา ไม่ให้ลูกได้ใช้ชีวิตอยู่กับเธอแม้แต่คนเดียว



เบกุม ในวัย 19 ปี ขอเดินทางกลับประเทศ แต่ความหวังของเธอก็สลายไปกับสายลมที่อบอ้าวจากเปลวแดดในค่ายผู้ลี้ภัย เมื่อรัฐบาลอังกฤษ ประกาศเพิกถอนสิทธิพลเมือง ถอกสัญชาติ หมดสิทธิกลับเข้าประเทศ แม้จะได้รับการร้องขอจากผู้เป็นพ่อและแม่ของเธอก็ตาม

ก่อนทำไม่คิดแล้วมาคร่ำครวญทีหลัง ก็ไร้ประโยชน์ เธอให้สัมภาษณ์นักข่าวในค่ายผู้ลี้ภัย ทางภาคเหนือของซีเรียว่า รู้สึกช็อก เธอมีสัญชาติเดียวคืออังกฤษ หากถูกเพิกถอนแล้ว ก็ไม่เหลือสัญชาติใด ไม่คิดว่ารัฐบาลจะทำเช่นนี้ได้ การตัดสินใจของอังกฤษไม่เป็นธรรม แต่เธอก็บอกว่า อาจจะลองขอสัญชาติเนเธอร์แลนด์ เพราะสามีนักรบไอเอสของเบกุม เป็นชาวดัทช์ ซึ่งขณะนี้ เชื่อว่ากองกำลังชาวเคิร์ดควบคุมตัวอยู่ แต่.....ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า มีโอกาสน้อยมากที่เจ้าสาวไอเอสคนนี้จะได้รับสัญชาติเนเธอร์แลนด์ เพราะเธอจะต้องผ่านเกณฑ์หลายอย่างที่เข้มงวด แม้สามีต้องการพาเธอไปอยู่เนเธอร์แลนด์ก็ตาม

เบกุม ใจคอเธอทำด้วยอะไร เธอบอกว่ารู้และรับได้กับการที่นักรบไอเอส ฆ่าตัดศีรษะของใครต่อใคร โดยอ้างว่า ได้ยินมาว่าเป็นเรื่องที่อนุญาตให้กระทำได้ภายใต้กฎหมายอิสลาม ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดอย่างมหันต์



คงเป็นเรื่องยากที่รัฐบาลของชาติใด จะพร้อมอ้าแขนรับเธอเข้าประเทศได้

แม้แต่อังกฤษ ประเทศบ้านเกิด ก็จะไม่มีชื่อ “ชามิมา เบกุม” อยู่ในสารบบสำมะโนประชากรแน่นอน