“สุริยะ”ระบุพรรคการเมืองใดรวบรวม ส.ส.ได้เกิน 250 คน สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่หากได้เสียงข้างน้อยแล้ว ส.ว.สนับสนุนเป็นนายกฯ สุดท้ายจะบริหารประเทศไม่ได้
เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 8 มี.ค. ที่ จ.อุดรธานี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคอีสาน พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่ปราศรัย ที่ตลาดอุดรเมืองทอง อ.เมือง จ.อุดรธานี ว่า แม้จะมีการมองว่า พื้นที่ จ.อุดรธานี เป็นเมืองหลวงของคนเสื้อแดง แต่ตนคิดว่าควรจะเปลี่ยนแนวคิดเพื่อลดความขัดแย้ง และให้ประเทศก้าวเดินไปข้างหน้าได้ โดยเชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐจะเป็นทางเลือก เพื่อให้ประเทศชาติไปสู่ความปรองดอง เพราะหากยังต่อสู้กันอยู่ประเทศจะพัฒนาต่อไปไม่ได้ ดังนั้นตนคิดว่าตอนนี้อย่ามาโจมตีกันเลยว่าใครอยู่สีเสื้อใด ควรเอาเวลาไปนำเสนอนโยบายว่า หากเป็นรัฐบาลแล้วจะนำเสนออะไรให้ประชาชนจะดีกว่า ส่วนความมั่นใจเรื่องที่นั่ง ส.ส.ใน จ.อุดรธานี ตนได้ทำโพลมาและรับทราบมาเมื่อวานว่า เขต1 อุดรธานี พรรคพลังประชารัฐจะได้ ส.ส. รวมทั้งเขตอื่นเราจะปักธงได้ด้วยแน่นอน ด้วยนโยบายดีๆที่พรรคนำเสนอให้ อาทิ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และนโยบายช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร เป็นนโยบายที่ชาวอุดรฯส่วนใหญ่เห็นด้วย
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการโจมตีประเด็น 250 ส.ว.เป็นกองหนุนพรรคพลังประชารัฐ นายสุริยะ กล่าวว่า ตนขอให้ย้อนกลับไปตอนที่มีการทำประชามติรัฐธรรมนูญ ปี 2560 มีคำถามพ่วงให้ ส.ว.สรรหา 250 คนมาร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีในช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี ผลออกมาประชาชนเห็นด้วย และต้องการให้ส.ว.มีส่วนเลือกนายกฯ ดังนั้นจึงไม่ควรหยิบยกมาเป็นประเด็นโจมตีกัน
นายสุริยะ กล่าวว่า หากพรรคการเมืองใดรวบรวม ส.ส.ได้เกิน 250 คน จะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่หากพรรคใดได้เสียงข้างน้อยและ ส.ว.สนับสนุนให้พรรคนั้นเป็นนายกฯ ตนเชื่อว่าสุดท้ายจะบริหารประเทศไม่ได้ เนื่องจากไม่สามารถผลักดันกฎหมายต่างๆได้ เพราะสภาล่างต้องมีเสียงเกิน 250 เสียง
เมื่อถามว่า มีการวิเคราะห์ว่า การยุบพรรคไทยรักษาชาติ เป็นการตัดคู่แข่งของพรรคพลังประชารัฐ นายสุริยะ กล่าวว่า ตนได้ยินแล้วรู้สึกไม่สบายใจ เพราะส่วนตัวตนรู้สึกเห็นใจผู้สมัครพรรคไทยรักษาชาติ และขอยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวกับพลังประชารัฐ เป็นเรื่องของ กกต.ที่พิจารณาเบื้องต้นก่อนให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน
เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ไม่ได้ลงปราศรัยหาเสียง ที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งท่านเองนั่งเป็นประธานยุทธศาสตร์ภาคอีสาน นายสุริยะ กล่าวว่า เรื่องนี้หลายฝ่ายก็เกิดความกังวล ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะไปลงพื้นที่ ที่พรรคพลังประชารัฐจัดขึ้น ซึ่งจะถูกมองว่าใช้อำนาจหน้าที่ช่วยพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งทางเราก็เห็นด้วยที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ต้องช่วยหาเสียงจะได้หมดข้อครหาต่างๆ และตนมั่นใจว่า แม้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มาช่วยหาเสียงก็ไม่ส่งผลกระทบต่อคะแนนนิยม เพราะประชาชนทราบอยู่แล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ