วางบทละครแล้วชีวิตจะสวยงาม "สอง พาราด็อกซ์" เรียนรู้จากผู้ที่จากไป

2019-03-07 17:45:40

วางบทละครแล้วชีวิตจะสวยงาม "สอง พาราด็อกซ์" เรียนรู้จากผู้ที่จากไป

Advertisement

ไม่ว่าหนทางชีวิตนั้นได้นำพาตัวตนของเราเดินทางมาไกลสักเท่าไร ผ่านมรสุม ผ่านปัญหาต่างๆ ที่ในบางครั้งเราอาจเป็นคนก่อขึ้นเอง หรือใครสักคนทำให้เราสะดุดล้มลงก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราฝ่าฟันจนผ่านมันมาได้ คือการละทิ้ง ปล่อยวาง ไม่อิงแอบ ไม่แนบเอาสิ่งเลวร้ายนั้นๆ ติดไปกับชีวิตของเราอีกต่อไป มันทำให้เราเดินหน้าต่ออย่างมีความสุข ... นี่คือบทสรุปของบทเรียนสุดท้ายที่ผู้เป็นพ่อได้ฝากเอาไว้ "สอง พาราด็อกซ์" จำขึ้นหัวใจ ไม่ว่าวันไหนๆ พ่อยังคงอยู่ในใจเสมอ ...  




ยังความโศกเศร้าและเสียใจอย่างคาดไม่ถึง หลังต้องสูญเสียคุณพ่อไปอย่างกะทันหัน เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมา ล่าสุด "สอง พาราด็อกซ์" มือเบสวง พาราด็อกซ์ โพสต์ความรู้สึกเบื้องลึกที่กลั้นกรอกจากใจเป็นครั้งแรกลงบนอินสตาแกรมส่วนตัว กับบทเรียนสุดท้ายจากพ่อ เสมือนของขวัญชิ้นสำคัญในชีวิต เปรียบกับแสงสว่างที่จะนำพาชีวิตที่เหลือให้ก้าวต่อไปอย่างไร้กังวล ปลดล็อกบ่วงโซ่ตรวนให้หลุดไป แฟนๆ ทั้งหลายเมื่ออ่านแล้วได้ข้อคิดต่างชื่นชมพร้อมให้กำลังใจ





ทั้งนี้ "สอง" ได้โพสต์ข้อความไว้ยาวเหยียด ซึ่งแสดงถึงความรู้สึกคิดถึงพ่อ และราวกับเป็นบทชีวิตที่ได้เรียนรู้หลังพ่อจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ว่า



บทเรียนสุดท้ายจากพ่อ เผยภาพงานศพพ่อที่ผู้คนมากมายมาร่วมอาลัยพ่อ ทั้งคนที่มีสตอรี่กับตัวเองและครอบครัว สุขบ้างทุกข์บ้าง มีปัญหากัน ใหญ่บ้างเล็กบ้าง ใหญ่มากๆ บ้าง เคยไม่เข้าใจ โกรธเกลียดกัน หรือบ้างก็ไม่เคยได้เจอกัน หรือพูดคุยกันเลย เป็นเดือนบ้าง เป็นปีบ้าง 20 ปีบ้าง หรือไม่เคยเจอกันมาก่อน 

ผมยืนมองดูร่างของพ่อ ขณะที่ทุกคนแสดงออกระหว่างรดน้ำ คือร้องไห้บ้าง กอดร่างของพ่อบ้าง







พร้อมเผยถึงตัวเองที่เปลือกนอกดูสนุกสนาน แต่เปลือกในมีความดำดิ่ง มีแต่ความโกรธเกลียดชัง ตัดสินมนุษย์ทุกผู้คนบนโลก

แต่ภาพที่ทุกคนวางบทละครแห่งทางโลก เดินมาเคารพกัน คือบทเรียนสุดท้าย ของพ่อที่สอนผม และครอบครัว การปล่อยวาง และเมื่อนั้น ผมจึงวางบทละครของผมลง



หลายๆ คนที่ผมเคยมีปัญหา แต่หลายๆ คนเหล่านั้น เขากลับมาที่งาน เป็นคนแรกๆ และเป็นคนแรกๆ เช่นกันที่เดินมากอดผม ผมยืนมองทุกคน ผมยืนมองตัวเอง แล้วผมจึงพูดกับตัวเองว่า



“กูนี่มันช่างชั่วช้าเสียเหลือเกิน” ไม่ใช่สิ “กูนี่มันเหี้ยจริงๆ” ...

และทุกๆ อย่างที่คุณสองระบายออกมาล้วนแล้วแต่คือความจริงของชีวิตที่เป็นประโยชน์ต่อคนทั่วไปทั้งนั้น  (อ่านต่อในรูปภาพ)



ซึ่งบทความจากการเรียนรู้ในครั้งนี้ของสอง ทำให้ทุกคนเข้าใจความรู้สึกของสอง โดยทยอยเข้าไปให้กำลังใจสองและสมาชิกในครอบครัวกันจำนวนมาก และเขียนขอบคุณบทเรียนที่คุณสองนำมาแชร์ ประมาณว่า ข้อความทั้งมหดของคุณสองนั้นทำให้ได้ข้อคิดมากจริงๆ ในชีวิต และนำไปแชร์ต่อในวงกว้าง