พบโครงกระดูกมนุษย์ กระจัดกระจายเกลื่อนไร่มันสำปะหลัง จ.เพชรบูรณ์ คาดเสียชีวิตมาแล้วหลายเดือน ด้านญาติไม่ติดใจเอาความ
เมื่อช่วงเย็น วันที่ 5 มี.ค. ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองไผ่ อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ได้รับแจ้งว่า พบโครงกระดูกมนุษย์วางกระจัดกระจายเกลื่อนไร่มันสำปะหลังเป็นบริเวณกว้าง จึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหารร้อยรักษาความสงบที่ 2 กรมทหารม้าที่ 3 กองพันทหารม้าที่ 13 กองพลทหารม้าที่ 1 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.หนองไผ่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์เวร รพ.หนองไผ่ และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูจุดหนองไผ่ รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ บริเวณกลางไร่มันสำปะหลัง หมู่ที่ 8 บ้านลำประสาน ต.บัววัฒนา อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ พบโครงกระดูกมนุษย์ทั้งส่วนหัวกะโหลก และชิ้นส่วนกระดูกส่วนอื่นของร่างกาย วางกระจัดกระจายอยู่บนพื้นดินภายในไร่มันสำปะหลังเป็นบริเวณกว้าง คาดเสียชีวิตมาแล้วหลายเดือน
จากการสอบถาม นายสังวาลย์ ชัยศรี อายุ 55 ปี เจ้าของไร่มันสำปะหลัง กล่าวว่า ขณะที่ตนและภรรยา พร้อมด้วยคนงานอีก 1 คน กำลังทำการตัดต้นมันสำปะหลังเพื่อเตรียมเก็บผลผลิต ได้สังเกตเห็นวัตถุบางอย่างสีขาว ตอนแรกคิดว่าลูกบอล พอเข้าไปใกล้ๆ กลับพบว่าสิ่งที่เห็นนั้นเป็นหัวกะโหลกมนุษย์ จึงเรียกภรรยาและคนงานมาช่วยกันดู ก่อนพบว่ารอบๆหัวกะโหลก ยังมีชิ้นส่วนกระดูกอีกหลายชิ้น กระจัดกระจายอยู่ทั่ว จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบ
ต่อมานางประนอม อยู่รอด อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 757 หมู่ที่ 8 บ้านลำประสาน ต.บัววัฒนา พร้อมด้วยญาติพี่น้อง ได้เดินทางมาดูที่เกิดเหตุ ก่อนยืนยันว่าโครงกระดูกมนุษย์ที่พบกลางไร่มันสำปะหลัง คาดว่าเป็นมารดาของตนแน่นอน ชื่อว่านางสำรี บัวทรัพย์ อายุ 76 ปี เนื่องจากจำเสื้อลายตัวที่พบข้างหัวกะโหลกได้แม่น โดยผู้เป็นแม่ได้หายตัวออกจากบ้านด้วยอาการหลงๆลืมๆ ไปตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 23 มิ.ย. 2561 ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้ทางครอบครัวได้แจ้งความคนหายและระดมกำลังช่วยกันออกตามหาทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่มาโดยตลอด จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่ย่อท้อ ยังคงออกติดตามอยู่เสมอ กระทั่งในวันนี้ได้รับแจ้งจากเพื่อนบ้านว่าพบโครงกระดูกมนุษย์กลางไร่มันสำปะหลัง จึงรีบพากันเดินทางมาดู ก่อนพบว่าเป็นโครงกระดูกของมารดาแน่นอน ซึ่งจุดที่พบศพห่างจากบ้านพัก ประมาณ 3 กม.
เบื้องต้น ทางญาติได้ยืนยันแน่ชัดว่าโครงกระดูกที่พบเป็นของนางสำรีและไม่ติดใจสาเหตุการตาย จึงได้มอบศพให้ญาติ นำไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนา ตามประเพณีต่อไป