“จตุพร”ขอ 24 มี.ค.เช็กบิลเผด็จการ-ทายาท-สมุน

2019-03-03 23:10:50

“จตุพร”ขอ 24 มี.ค.เช็กบิลเผด็จการ-ทายาท-สมุน

Advertisement

พรรคเพื่อชาติปราศรัยใหญ่ลานคนเมือง ประธาน นปช. ขอพี่น้องช่วยกันเลือกพรรคฝั่งประชาธิปไตยให้ได้เกินครึ่งหนึ่งของสภาฯ ช่วยกันเช็กบิลเผด็จการ ทายาทเผด็จการ สมุนเผด็จการ พร้อมลั่นประชาธิปไตยจงเจริญ เผด็จการจงพินาศ ด้านหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ ชูนโยบายหลักพรรคเพื่อชาติ 9 ข้อ แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ยากจน

เมื่อช่วงค่ำวันที่ 3 มี.ค. ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อชาติ ได้จัดเวทีปราศรัยใหญ่ แนะนำผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อชาติ กรุงเทพมหานคร ทั้ง 30 เขต โดยมี นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ พร้อมคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อชาติ สมาชิกพรรคเพื่อชาติ รวมถึง ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติคนสำคัญ ทั้งสองคน ได้แก่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. และ นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีประชาชนเดินทางมาฟังการปราศรัย กว่าครึ่งหมื่น


นายสงคราม กล่าวบนเวทีปราศรัยว่า เวลาเกือบ 5 ปีที่ผานมา สบายดีไหม รวยขึ้นหรือไม่ ถ้าไม่ พวกเราต้องพร้อมใจกัน อีก ไม่กี่วันข้างหน้า เราต้องออกไปเลือกพรรคเพื่อชาติให้มากที่สุด ทั้งนี้ พรรคเพื่อชาติมีนโยบายสำคัญหลายข้อ อาทิ 1.นโยบายรองรับสังคมผู้สูงอายุ คือให้เงินสวัสดิการผู้สูงอายุ คนละ 2,000 บาท ตลอดชีวิต 2.นโยบายที่ดีอยู่แล้ว เช่น โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค เราจะทำต่อ แต่จะยกระดับโรงพยาบาลตำบล ซึ่งมีอยู่กว่า 7,000 แห่ง ให้มีอุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัย 3.โครงการ 1 ตำบล 1 นักศึกษาแพทย์ โดยมีข้อแม้ว่าต้องกลับมาทำงานที่บ้านเกิดด้วย 4.นโยบายโฉนดใบเดียวทั้งแผ่นดิน ไม่มี สปก. นส. 2 นส. 3 โดยทุกพื้นที่ต้องเป็นโฉนดเท่านั้น และมีสัดส่วนเท่า ๆ กัน 5.นโยบายเลิกการผูกขาดตัดตอน และยกเลิกสัมปทานที่กีดขวางการพัฒนาโอกาสของคนยากจน เน้นลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ และลดการผูกขาดทางการค้า 6.นโยบายปลอดภาษีรถยนต์ เพื่อเกษตรกร และประมง 7.นโยบายวางผังเมืองให้เป็นกรีน แอนด์ คลีน ซิตี้ 8.นโยบายทลายกำแพงใจ และ 9.นโยบายเรื่องราคาพืชผลทางการเกษตร โดยกำหนดราคาให้เหมาะกับภาวะทางการตลาด ยางพารามากกว่า 80 บาท ต่อกิโลกรัม ข้าวหอมมะลิเกวียนละ 20,000 บาท ข้าวทั่วไปเกวียนละ 15,000 บาท ปาล์มน้ำมัน 6 บาทต่อกิโลกรัม อ้อยตันละ 900 บาท และ มันสำปะหลัง 3 บาท ต่อกิโลกรัม


ด้าน นายจตุพร กล่าวบนเวทีปราศรัยว่า วันนี้ตนมาขอเสียงพี่น้องให้เลือกพรรคเพื่อชาติ เพื่อเอาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กลับบ้าน ในเมื่อเอาทักษิณ กลับบ้านไม่ได้แต่เอาพลเอกประยุทธ์ กลับบ้านได้ สถานการณ์ปัจจุบัน พลเอกประยุทธ์ ต้องการสืบทอดอำนาจ แต่ไม่ยอมลาออกจากตำแหน่งนายกฯ และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. แล้วมาอยู่ในบัญชีรายชื่อนายกฯของพรรคพลังประชารัฐ พอใครไปบอกว่ากฎหมายห้ามเจ้าหน้าที่รัฐ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ตอบ แต่ให้ลิ่วล้อมาตอบว่าตัวเองไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐแต่เป็นบุคคลสาธารณะ ซึ่งบุคคลสาธารณะที่ไหนออกมาตรา 44 ได้ ออกคำสั่งได้ บริหารราชการแผ่นดินได้ การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปด้วยความยากลำบากของฝ่ายประชาธิปไตย เมื่อถึงโค้งสุดท้าย อีก 3 สัปดาห์ ก่อนการเลือกตั้ง ฝ่ายที่ต้องการสืบทอดอำนาจเขารู้ว่าถ้าไม่จัดการฝ่ายประชาธิปไตย พรรคพลังประชารัฐ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะพ่ายแพ้อย่างย่อยยับที่สุด วันนี้จึงต้องปลุกวาทกรรมสร้างความขัดแย้งใหม่

นายจตุพร กล่าวต่อว่า วันที่ 7 มี.ค.นี้ จะมีการตัดสินว่าจะยุบพรรคไทยรักษาชาติหรือไม่ ก็ไม่รู้ว่ามีอีกกี่พรรคต้องเข้าลานประหารนี้ วันนี้ใกล้วันเลือกตั้งบอกจะแก้ไขความขัดแย้ง แต่ 5 ปีที่ผ่านมา ไม่รู้เอาเวลาไปทำอะไรอยู่ แต่ละฝ่ายต้องการให้บ้านเมืองไปข้างหน้า หวังว่าเมื่อคืนอำนาจให้ประชาชนบ้านเมืองจะไปต่อได้ เพราะวันนี้ทุกฝ่ายลำบากกันไปหมด แต่มีพวกเดียวที่ไม่เดือดร้อน และเข้าใจว่านี่คือผลงาน คือบัตรคนจน เพื่อให้คนจนลืมไปว่าที่จนเพราะเผด็จการ 5 ปี บ้านเมืองจะอยู่แบบนี้ไม่ได้ ขอให้คนไทยคิดช้า ๆ หน้าที่ของพรรคเพื่อชาติคือทำให้คนไทยหายจน ไม่ใช่มีบัตรคนจน

นอกจากนี้ เรายังต้องเผชิญกับส.ว. 250 คน ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ได้ไปเชิญคนที่เป็นกลางทางการเมืองมากที่สุดมาเป็นประธานกรรมการสรรหา นั่นคือพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ทำให้เป็นศึกที่ยากลำบากมาก ดังนั้น ฝ่ายประชาธิปไตยมีภารกิจคือ ต้องการเกินครึ่งหนึ่งของสภาคือ 376 เสียง เนื่องด้วย ส.ว.แต่งตั้งมีแล้ว 250 เสียง หาอีกแค่ 126 เสียง เขาก็ได้เป็นนายกฯ จึงขอให้ประชาชนตั้งเป้าไว้ว่าฝ่ายประชาธิปไตยต้องการ 376 เสียง เราต้องคิดอย่างเบ็ดเสร็จว่าวันที่ 24 มี.ค.นี้ ต้องเลือกฝ่ายประชาธิปไตยให้ท่วมท้น ชนะอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเกิน 376 ที่นั่งไปเลย หากพี่น้องเลือกพรรคเพื่อชาติ ไม่ใช่การตัดคะแนนกัน แต่เป็นการเพิ่มคะแนนให้ฝ่ายประชาธิปไตย ได้เดินไปถึง 376 เสียง และเราจะไม่เจอพล.อ.ประยุทธ์ อีกต่อไป ทุกวันนี้นายสุเทพ ขึ้นเวทีปราศรัยบรรยากาศเหมือนเวที กปปส. ประกาศจะได้ 4 ล้านเสียง เอาเป็นว่าเราไม่ประมาทนายสุเทพ แต่ขอให้พวกเราชนะนายสุเทพก็พอ ดังนั้น วันที่ 24 มี.ค. ขอให้พี่น้องช่วยกันเช็คบิลเผด็จการ ทายาทเผด็จการ และสมุนเผด็จการ เมื่อปี 2554 เคยชนะอย่างไร วันที่ 24 มี.ค.ก็ขอให้ชนะอย่างนั้น ประชาธิปไตยจงเจริญ เผด็จการจงพินาศ


นายยงยุทธ กล่าวว่า เรื่องที่พ่อ คสช.เขาแจ้งไว้เป็นข้ออ้างในการเข้ายึดอำนาจ เรื่องที่ 1 ปัญหาคอร์รัปชั่น พี่น้องมั่นใจหรือไม่ว่าเขาแก้เรื่องนี้ เอานาฬิกามาหรือไม่ อย่ายืมของเพื่อนนะ เรื่องที่สอง อยากให้พวกเราปรองดอง จะปรองดองอย่างไร มีแต่เอาน้องเกี่ยวก้อยมาพูด แต่ไม่เอาผู้นำทางจิตวิญญาณของสองฝ่ายมาคุยกัน อย่างไรก็ตาม พรรคเราเป็นพรรคคนจน แต่การแก้ปัญหาสังคม นั้นไม่ได้อยู่ที่ความร่ำรวย หรือความมีอำนาจ สิ่งสำคัญที่สุดอยู่ที่ใจ