พปชร.ลั่น “บิ๊กตู่” เหมาะนายกฯมากที่สุด

2019-03-03 21:20:51

พปชร.ลั่น “บิ๊กตู่” เหมาะนายกฯมากที่สุด

Advertisement

"สุวิทย์"ชูนโยบายช่วยชาวนา พยุงราคาข้าว 10,000 บาท ช่วยค่าเกี่ยวไร่ละ 2,000 บาท ขอโอกาส พปชร.บริหารประเทศ ชี้ "บิ๊กตู่"ไม่ใช่คนที่ดีที่สุด พูดไม่เพราะเหมือนนักการเมือง แต่คือคนที่เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีมากที่สุดในตอนนี้

เมื่อวันที่ 3 มี.ค. ที่ลานอเนกประสงค์ริมทางรถไฟ สี่แยกหอนาฬิกา เทศบาล ต.ท่าเรือ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำโดยนาย สุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค  นายอนุชา นาคาศัย ประธานยุทธศาตร์การเลือกตั้งภาคกลาง นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ กรรมการบริหารพรรค นายทศพล เพ็งส้ม อดีตส.ส.นนทบุรี และนายชาตรี อยู่ประเสริฐ ผู้สมัคร ส.ส.พระนครศรีอยุธยาเขต 2 ร่วมปราศรัยหาเสียงท่ามกลางประชาชนที่เข้าร่วมรับฟังกว่า 6,000 คน


นายสุวิทย์ ปราศรัยว่า อยุธยาจึงมีความสำคัญต่อคนไทยและเป็นที่รู้จักของต่างประเทศ  ไม่เพียงการท่องเที่ยว ยังมีการลงทุนของต่างประเทศอีกด้วย แต่ต้องเติมคือการกระจายรายได้ให้กับพื้นที่ ชุมชนโดยการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนเพื่อทำให้รายได้เกิดขึ้นที่ฐานราก  สร้างความเข้มแข็งให้กับพื้นที่ อย่างไรก็ตามอาชีพของประชาชนส่วนใหญ่ยังคงยึดอาชีพเกษตรกร ทำนาเป็นหลัก และในบางปีราคาข้าวก็ไม่ดี จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีนโยบายเพื่อช่วยชาวนา ซึ่งพรรคพลังประชารัฐมีนโยบายที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้อย่างมากคือ 1.พยุงราคาข้าวเปลือกเจ้า 10,000 บาทเพื่อชะลอการขายและถ้าชาวนาได้ราคามากกว่าสามารถไถ่ถอนไปขายเองได้ 2.การช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 2,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ เรียกรวมคือ “ข้าวได้ราคา ชาวนาได้เงินเพิ่ม” ซึ่งเรามั่นใจว่านโยบายที่คิดมานี้เป็นสิ่งที่ทำได้จริง นอกจากนั้นยังอีกนโยบายสวัสดิการประชารัฐซึ่งจะดูแลประชาชนทุกคน และนโยบายสังคมประชารัฐที่จะสร้างโอกาส สร้างอนาคต สร้างสังคมสีขาว คือปลอดภัย ปลอดโรค ปลอดยา


นายสุวิทย์กล่าวว่า  พลังประชารัฐมีแก้ว 3 ประการ ทั้งผู้สมัครที่เราคัดเลือกกันอย่างเข้มข้นจนได้คนที่มีคุณภาพเหมาะสมที่จะเป็นผู้แทนของพี่น้องประชาชน อีกทั้งเรื่องนโยบายที่มาจากความต้องการของพี่น้องประชาชนและที่สำคัญคือได้ผู้นำที่เป็น action man คือคนที่ทำมากกว่าพูด ยึดประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลักอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา


ด้านนายอนุชา ปราศรัยว่า ตนเคยเป็น ส.ส.ของพรรคไทยรักไทย  และถูกตัดสิทธิทางการเมืองจากกรณียุบพรรค จนกระทั่งตัดสินใจร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ อาสาเข้ามาแก้ปัญหาใฟ้พี่น้องประชาชน เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ หากสองพรรคการเมืองใหญ่ ยังถูกเลือกให้เป็นรัฐบาลอีก ความขัดแย้งที่มีมานานกว่า 10 ปี ก็จะไม่จบสิ้น ดังนั้นควรให้โอกาส พรรคการเมืองใหม่ อย่างพรรคพลังประชารัฐ ที่เสนอพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค เข้ามาแก้ปัญหา และพัฒนาประเทศ เพราะตลอด 4 ปีที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ พยายามสร้างความเจริญ ความมั่นคงและมั่งคั่งของประเทศ ดูแลคนยากจน รวมไปถึงเกษตรกร ชาวไร่ชาวนา


ขณะที่นายชัยวุฒิ  ยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีความเหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีมากที่สุด พร้อมทั้งโจมตีรัฐบาลก่อนหน้านี้ ที่มีโครงการที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศ จน พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาทำให้บ้านเมืองสงบ พร้อมชูการทำงานของพล.อ.ประยุทธ์ตลอด 4 ปี ที่ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว และแม้ พล.อ.ประยุทธ์จะไม่ใช่คนที่ดีที่สุด พูดไม่เพราะเหมือนนักการเมือง แต่คือคนที่เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีมากที่สุดในตอนนี้