ตร.ตามรวบ "ชาย บางพลับ" มือเผาบ้าน 7 หลังพร้อมของกลางคามือก่อนนำตัวสอบเข้ม ขณะที่เจ้าของบ้านหลายหลังยังคงตกใจ ด้านหลายหน่วยงานเร่งสำรวจช่วยเหลือ
วันที่ 3 มี.ค. หลังเกิดเหตุชายคลั่งเผาบ้านตัวเองก่อนลามไปติดบ้านข้างเคียงจนไฟลุกลามเสียหายหลายหลังเมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น ล่าสุด ที่ สภ.โพธิ์ทอง พล.ต.ต.สุศักดิ์ ปรักมะกุล ผบก.อ่างทอง ซึ่งลงไปควบคุมการติดตามจับตัวนายสมชาย เอมอนนท์ อายุ 30 ปี หรือ "ชาย บางพลับ" คนร้ายที่ก่อคดีวางเพลิง ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจระดมกำลังติดตามหาตัวมาดำเนินคดีโดยสามารถจับกุมตัวได้ขณะที่นายสมชายซ่อนตัวอยู่ใต้ต้นมะม่วงไม่ห่างจากที่เกิดเหตุพร้อมของกลางไฟเช็ค ขวดน้ำมัน ก่อนนำตัวมาสอบสวนที่ สภ.โพธิ์ทอง ซึ่งนายสมชายให้การวกวนแต่ยอมรับว่าเป็นคนลงมือเผาเนื่องจากไม่พอใจคำพูดของคนบางคน จึงตัดสินใจลงมือเผา และพูดจาวกไปวนมาอยู่ตลอดเวลา โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวไปสอบสวนพร้อมตรวจหาสารเสพติด เบื้องต้นพบมีสารเสพติดอยู่ในร่างกาย จึงควบคุมตัวไว้สอบสวนดำเนินคดี
น.ส.เพ็ญประภาภรณ์ วงศพิลา อายุ 40 ปี หนึ่งในเจ้าของบ้านซึ่งถูกเผาไปในเหตุการณ์นี้และเป็นเครือญาติของนายสมชาย เดินทางมาที่ สภ.โพธิ์ทองพร้อมกับร่ำไห้ด่าว่านายสมชายว่าทำเกินไป ทำให้คนอื่นเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนี้ เวลาอาละวาดพี่น้องก็ไม่มีใครถือโทษ แต่ครั้งนี้มันรุนแรงเกินไป ซึ่งนายสมชายไม่มีท่าทีสลดและพูดจาวกวนอยู่ตลอดเวลาจนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องนำขึ้นไปสงบสติอารมณ์ในห้องขัง
ขณะที่ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังที่เกิดเหตุอีกครั้งพบชาวบ้านและผู้ที่บ้านถูกเผาไปในเหตุการณ์นี้ยังคงอยู่ในอาการตกใจ และยังคงนั่งเฝ้าทรัพย์สินอยู่ทางด้านหน้า ขณะที่บางรายเดินเข้าไปสำรวจทรัพย์สินที่คิดว่าน่าจะหลงเหลืออยู่ภายใน โดยจากการสำรวจล่าสุดมีบ้านเรือนเสียหายเพิ่มจากเดิมอีก 3 หลังรวมเป็น 7 หลัง รถจักรยานยนต์ 6 คันและทรัพย์สินที่ขนออกไม่ทันเสียหายทั้งหมด และพบกับนายสนอง เอมอนนท์ อายุ 59 ปี บิดาของนายสมชายซึ่งอยู่ในอาการช็อกและบอกว่าไม่คาดคิดว่าลูกชายจะทำอย่างนี้ ปกติตนเองไม่ได้อยู่ที่บ้านเพราะต้องไปทำงานที่สระบุรี ซึ่งลูกตนป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับจิตเวชด้วยเคยเข้ารักษาที่ รพ.แห่งหนึ่ง แต่หลังจากกลับมาก็ไม่ได้กินยาควบคุมเลย ไม่รู้ทำไมจึงก่อเหตุเช่นนี้
ด้านนายไพบูลย์ ศุภบุญ นายอำเภอโพธิ์ทอง ประสาน อบต.บางพลับนำเต็นท์ชั่วคราวไปตั้งให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบได้พักอาศัย พร้อมเตรียมเข้าสำรวจความเสียหายเพื่อช่วยเหลือตามระเบียบของทางราชการต่อไป