“อภิสิทธิ์”ปราศรัยสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส อาสาแก้เศรษฐกิจชาวใต้ให้ดีขึ้น ยางโลละ 60 บาท ปาล์มโลละ 4 บาท ลั่นพรรคประชาธิปัตย์ทำมาแล้ว
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 2 มี.ค. ที่สนามฟุตบอลหญ้าเทียม แอลชอคเกอร์ปาร์ค ต.สุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมด้วยนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าภารกิจพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางมาปราศรัยหาเสียงพบปะพี่น้องประชาชนชาว อ.สุไหงโก-ลก ซึ่งได้เดินทางมารับฟังการปราศรัยในครั้งนี้ ประมาณกว่า 2,000 คน ท่ามกลางบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก ซึ่งก่อนที่นายอภิสิทธิ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะทำการปราศรัยพบปะพี่น้องประชาชนนั้น ได้มีประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงที่ชื่นชอบ ได้ลุกเดินจากเก้าอี้นั่งถือดอกกุหลาบมามอบให้กับนายอภิสิทธิ์ โดยบางคนมีการหอมแก้มและถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งต้องเสียเวลาช่วงนี้ไปประมาณ 15 นาที
ต่อมานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำการแนะนำตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตทั้ง 4 เขต ให้พี่น้องประชาชนได้รู้จักมักคุ้น พร้อมเน้นย้ำว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ขอให้พี่น้องประชาชนที่ชื่นชอบพรรคประชาธิปัตย์ ดูใบหน้าผู้สมัครให้ดีเพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ ผู้สมัครเลือกตั้งหลายคนของพรรค ได้ย้ายไปอยู่พรรคอื่น ประการสำคัญอย่าเลือกเพราะเห็นแก่ญาติ แต่ขอให้รักญาติเหมือนเดิมแต่ขอเลือกพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นพรรคที่เลือกเดินเส้นทางที่สุจริต เราจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ดีขึ้น ยางต้องราคาโลละ 60 บาท ปาล์มต้องราคาโลละ 4 บาท ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ได้ทำมาแล้ว ส่วนกรณีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเราไม่เลิก แต่เพิ่มจำนวนเงินให้มากขึ้นแถมสามารถนำไปซื้ออะไรก็ได้ไม่มีการกำหนดกฏเกณฑ์ ซึ่งตลอดการปราศรัยประชาชนที่เดินทางมารับฟังในครั้งนี้ ได้ตบมือและส่งเสียงเชียร์ดังกุกก้องเป็นระยะๆ ซึ่งเสียงของประชาชนทุกเสียงให้คำนึงไว้ 3 ประการ คือ ท่านเลือก ส.ส. ท่านเลือกพรรคประชาธิปัตย์ และท่านเลือกนายกรัฐมนตรี ที่มีนายกรัฐมนตรีมา 4 คนแล้ว ไม่เคยถูกต้องข้อหาโกงกินทุจริตและรวมตัวเดินประท้วงขับไล่
นายอภิสิทธิ์ กล้าวถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หากได้เป็นนายกรัฐมนตรีว่า มั่นใจถึงแนวทางที่จะใช้ คือ การเมืองนำทางทหาร จะเป็นแนวทางที่ได้รับการตอบรับ แต่ต้องใช้เวลาในการสร้างกระบวนการนำไปสู่การตีความสันติสุข โดยความร่วมมือของทุกหน่วยงาน แต่เราจะไม่ทำให้กระบวนการเทน้ำหนักไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเช่นที่ผ่านมา เช่น การให้ฝ่ายความมั่นคงพยายามฝ่ายเดียวมาแก้ไขปัญหานี้ เราต้องพยายามดึงประชาชนมามีส่วนร่วมในการพิจารณา เพื่อที่จะให้ประชาชนมีความพึงพอใจ