“สนธิรัตน์” จี้ชาวสุรินทร์ปลดนักการเมืองเก่า

2019-03-01 13:20:58

“สนธิรัตน์” จี้ชาวสุรินทร์ปลดนักการเมืองเก่า

Advertisement

“สนธิรัตน์ นำทัพอ้อนขอคะแนนชาวสุรินทร์กวาด 7 เก้าอี้ ปลดนักการเมืองของเก่าพร้อมนำความเจริญสร้างคมร่ำรวยสู่เมืองช้าง “สุริยะ” เผยเลือกส.ส.เข้ามาเยอะขับเคลื่อนนโยบายสะดวก

เมื่อเวลา 10.40 น. วันที่ 1 มี.ค. ที่ลานบริษัทไอคิว สี่แยกสลักได อ.เมือง จ.สุรินทร์ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาสตร์ภาคอีสาน นายอนุชา นาคาศัย ประธานยุทธศาสตร์ภาคกลาง นายวิรัช รัตนเศรษฐ แกนนำภาคอีสาน น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี หรือ มาดามเดียร์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ขึ้นปราศรัย หาเสียงช่วยนายอนันต์ ปาลีคุปต์ ผู้สมัคร หมายเลข 8 เขต 1 จ.สุรินทร์

นายสนธิรัตน์ ปราศรัยว่า วันนี้เป็นวันสำคัญที่เราได้เจอกันเพราะในชีวิตของคนหนึ่งคน ที่ไม่เคยรู้จักกันแต่มาเจอกัน ตนถือเป็นบุญของชีวิต สำหรับ จ.สุรินทร์ มีพร้อมทุกอย่าง สุรินทร์มีข้าวหอมมะลิที่ดีที่สุด แต่เดี๋ยวนี้โดนแย่ง สุรินทร์ คือ เมืองช้าง ไม่มีที่ไหนคล้องช้างเก่งเท่าสุรินทร์ ผ้าไหมสุรินทร์ เส้นสวย ทอมาไม่มีใครสู้ได้ การค้าชายแดนบริเวณด่านช่องจอมที่ติดกับชายแดนกัมพูชา เช่นเดียวกับจังหวัดอื่นๆแต่ จังหวัดอื่นๆกลับรวยเอาๆ ในขณะที่ จ.สุรินทร์ ไม่รวยเหมือนอย่างเขา คงเป็นเพราะ จ.สุรินทร์ อาจยังไม่มี ส.ส.ที่ดีๆ มีแต่ ส.ส.ที่กระจัดกระจายแต่ตนไม่ได้ว่า ส.ส.เก่า เพราะเขาก็ทำมาเต็มที่แล้ว สุรินทร์มี ส.ส.7 คน แต่ยังไม่สามารถทำให้สุรินทร์ดีขึ้นได้ ดังนั้นวันนี้หากคนสุรินทร์ เลือกพรรคเก่าก็จะได้ของเก่า จ.สุรินทร์ก็จะเหมือนเก่า ดังนั้นขอให้ลองเปลี่ยนมาเลือกคนของพรรคพลังประชารัฐอย่างนายอนันต์ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง


นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า เราไม่ได้มาปากหวาน แต่อยากให้ดูนโยบายของพรรค ว่า วันนี้มีพรรคการเมืองไหน ที่นโยบายเข้าไปสู่หัวใจประชาชนเหมือนกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งเกิดขึ้นจากคนของพรรคพลังประชารัฐอย่างพวกผม วันนี้พี่น้องชอบของจริง หรืออยากได้ของปลอม เพราะของจริงได้เห็นกันแล้ว แต่ของปลอมต้องมาลองอีก เดี๋ยวก็พาไปโกงอีก บัตรสวัสดิการเแห่งรัฐ ถือเป็นหัวใจหลักของพรรค อย่าให้ใครเอาไป เพราะวันนี้พรรคจะทำให้ดีขึ้น เพราะยังมีพีน้องประชาชนที่สมัครแล้ว หรือมีคุณสมับติเข้าเกณฑ์ แต่ยังไม่ได้อีกจำนวนมาก ดังนั้นหากพรรคพลังประชารัฐเได้เข้าไปเป็นรัฐบาลจะดำเนินการตรวจสอบให้ เพราะ บัตรนี้ คือสิ่งที่พรรคจะทำให้ดีกว่าเดิม ทำให้ปรชาชนมีความสุข เพราะพรรคไม่ได้มีแค่นโยบายกินได้ แต่มีออกมาเรื่อยๆ อย่างนโยบายข้าว ที่หากชาวนาอยากได้ค่าปลูกพวกผมจะไปหารือกันเพื่อพิจารณานอกจากนี้ พรรคยังมีนโยบายดูแลลูกหลานคนไทยไม่ให้ลำบาก อย่างนโยบายมารดาประชารัฐที่ให้ความสำคัญตั้งแต่ท้อง คือท้องปั๊บ รับ 3000 บาท จำนวน 9 เดือน รวม 27,000 บาท จากนั้นเมื่อคลอดก็จะได้รับอีก 10,000 บาท รวมเป็น 37,000 บาท ยังไม่พอเพราะมีค่าเลี้ยงดูให้อีกเดือนละ 2,000 อีก 6 ปี รวมค่าดูแลทั้งสิ้น 181,000 บาท พร้อมยืนยันพรรคไม่ได้มาแจกเงิน แต่ลูกหลานเรา เราต้องกล้าลงทุน ต้องดูแลคนไทยด้วยกัน

นายสนธิรัตน์ กล่าวอีกว่า พลังประชารัฐมาแบบมีความหวัง หวังในการเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง ถ้า จ.สุรินทร์รักพลังประชารัฐ ก็ต้องเลือก ส.ส.ของพรรค ทั้ง 7 เขต เพราะผมตั้งใจว่า ถ้าพลังประชารัฐเป็นรัฐบาล ผมเป็นรัฐมนตรีจะมารับใช้คนสุรินทร์ อาสามาเป็นคนสุรินทร์ เพื่อพาพี่น้องสุรินทร์สู้จังหวัดใกล้เคียงให้ได้ ดังนั้น 24 มี.ค.เลือกพลังประชารัฐยกจังหวัด

นายสุริยะ กล่าวว่า ขอให้คนสุรินทร์เลือกพรรคพลังประชารัฐทั้ง 7 เขต ในการเข้าไปสานต่อและผลักดันนโยบายของพรรคเพื่อประชาชน เพราะหาก ได้ ส.ส.เข้าไปน้อย นโยบายที่พรรคนำเสนอจะได้รับการผลักดันได้ลำบาก เพราะที่ผ่านมา ส.ส.สุรินทร์ยังไม่มีความเป็นปึกแผ่นทั้งที่เป็นจังหวัดใหญ่ ดังนั้นหากได้รับเลือกทั้งจังหวัด จ.สุรินทร์จะได้รับการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมทั้งเกษตรและชาวนาและผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับการแก้ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืนแน่นอน

นายอนุชา ปราศรัยว่า วันนี้เราต้องรักประเทศชาติ รักประชาชน ต้องไม่ยอมให้คนไทยออกมาเดินบนถนนเพื่อเข่นฆ่า หรือ ขัดแย้งกันกันอีก เพราะขัดแย้งมานานแล้วกว่า 10 ปี แต่ช่วง 5 ปี ที่ผ่านมาประเทศสงบ แม้ปัญหาเศรษฐกิจยังไม่ดีเพราะเป็นผลมาจาความขัดแย้ง แต่รัฐบาลชุดนี้ก็พยายามแก้ปัญหาให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการออกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ตั้งใจให้พีน้องที่ตกทุกข์ได้ยากมีกำลังใจในการต่อสู้ชีวิต แม้ไม่ได้ทำให้ร่ำรวย แต่ก็ช่วยให้พี่น้องประชาชนมีเงินใช้จ่าย ขณะเดียวกันเมื่อประเทศชาติสงบ เราก็พบแสงสว่างเราจึงมารวมอยู่ตัวกันอยุ่ที่พรรคพลังประชารัฐ เพื่อต้องการก้าวข้ามความขัดแย้ง มีนโยบายที่ดีเพื่อตอยสนองคนไทย คนยากคนจน ชาวไร่ ชาวนา ที่ถูกทอดถิ้ง โดยเฉพาะชาวนาคือกระดูกสันหลังของชาติแต่ปัจจุบันชาวนามีแต่หนี้ ดังนั้นพรรคพลังประชารัฐตั้งใจอย่างแน่วแน่ ในการจะสร้างประวัติศาสตร์ ทุ่มเททำเพื่อให้คนเหล่านี้ได้ลืมตาอ้าปากหายจากความยากจนให้สำเร็จให้ได้ พรรคพลังประชารัฐ พูดจริง ทำจริง และประชาชนได้ประโยชน์อย่างแน่นอน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมสามารถลง ส.ส.ได้อีกครั้งหลังถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ดังนั้นจึงขอประกาศว่า หากผมช่วยเกษตรกร คนยากคนจนให้พ้นจากความยากจน หากพรรคเป็นรัฐบาล ดูแลบริหารบ้านเมืองครบ 4 ปี แล้วความเป็นอยู่ของประชาชนยังไม่ดีขึ้น ก็จะขอเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต