รองโฆษก อสส.ร่ายยาวข้อหาแก๊งงานบวช

2019-02-26 10:50:19

รองโฆษก อสส.ร่ายยาวข้อหาแก๊งงานบวช

Advertisement

รองโฆษกอัยการสูงสุดร่ายยาวความผิดแก๊งงานบวชบุกป่วน รร.มัธยมวัดสิงห์ เจอข้อหาเพียบทั้ง ทําให้เสียทรัพย์ของทางราชการ บุกรุก กระทําอนาจาร ทําร้าย ร่างกายผู้อื่น ทําร้ายร่างกายผู้อื่นที่มีเหตุฉกรรจ์ ซ่องโจร ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่ต้องห้าม

เมื่อวันที่ 26 ก.พ. นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกอัยการสูงสุด ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “โกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง” ระบุว่า คดีงานบวชวัดสิงห์ เห็นภาพข่าวแล้ว หลายคนถามมาว่าน่าจะเป็นความผิดฐานใดได้บ้าง แค่คิดจากภาพที่ปรากฏตามข่าว ข้อกล่าวหาก็เต็มไปหมด รอการสอบสวนให้เสร็จ อาจจะมีข้อหาอื่นเพิ่มเติม ครูเป็นเจ้าพนักงานตามกฏหมาย ทำร้ายครูขณะปฎิบัติหน้าที่ ก็คือทำร้ายเจ้าพนักงานในขณะปฎิบัติหน้าที่ ดื่มเหล้างานบวชในวัด ยกพวกไปทําร้ายครูขณะปฏิบัติหน้าที่ในโรงเรียน หอมแก้มกระทําอนาจาร นักเรียนหญิง และทําลายทรัพย์สินของโรงเรียน

มาตรา 360 ผู้ใดทําให้เสียหาย ทําลาย ทําให้เสื่อมค่าหรือทําให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อ สาธารณประโยชน์ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ (ทําให้เสียทรัพย์ของทางราชการ)

มาตรา 362 ผู้ใดเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ ของผู้อื่น เพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้นทั้งหมด หรือแต่บางส่วน หรือเข้าไปกระทําการใด ๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของเขาโดยปกติสุข ต้อง ระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือ ทั้งจําทั้งปรับ (บุกรุก)

มาตรา 278 ผู้ใดกระทําอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆโดยใช้กําลัง ประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทําให้บุคคลนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น ต้อง ระวางโทษจําคุกไม่เกินสิบปีหรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ (กระทําอนาจาร)

มาตรา 295 ผู้ใดทําร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้นกระทํา ความผิดฐานทําร้ายร่างกายต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจําทั้งปรับ (ทําร้าย ร่างกายผู้อื่น)

มาตรา 293 ผู้ใดกระทําความผิดฐานทําร้ายร่างกาย ถ้าความผิดนั้น มีลักษณะประการหนึ่งประการใด ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๘๙ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ (ทําร้าย ร่างกายผู้อื่นที่มีเหตุฉกรรจ์เช่น ทําร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน)

มาตรา 210 "ผู้ใดสมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ในภาค 2 นี้ และความผิดนั้นมีกำหนดโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นซ่องโจร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

พระราชบัญญัตควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 มาตรา 31 ห้ามมิให้ผู้ใดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่หรือบริเวณดังต่อไปนี้ (1) วัดหรือสถานที่สําหรับปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา เว้นแต่เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมทางศาสนา มาตรา 42 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 31 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจําทั้งปรับ

ข้อหาทำร้ายร่างกายขึ้นอยู่กับ ความบาดเจ็บ ถ้าอันตรายถึงสาหัสโทษก็สูงขึ้นไปอีก ลำดับต่อไปพนักงานสอบสวนก็จะ สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ว่าผู้ต้องหากระทำความผิด ข้อหาใดบ้าง แล้วทำสำนวนส่งอัยการพิจารณาดำเนินคดีต่อไป คิดคร่าวๆ ในชั้นต้นนี้ผู้กระทำความผิด จนถึงญาติพี่น้อง คงอยากย้อนเวลากลับไป และไม่อยากกระทำความผิดกันเป็นแน่ อัตราโทษแต่ละข้อหา หนักพอควรแล้ว มีสติ อย่าทำผิดกฎหมายกันเลย ติดคุกทุกข์หนัก นะครับ เสียอนาคตเสียโอกาสที่ดีในชีวิต ขอให้เป็น คดีตัวอย่าง มีสติ ไม่ใหญ่โต ไม่กร่าง ไม่เมา ไม่หาเรื่องผู้อื่น ใช้ชีวิตให้มีความสุข ไม่นำความทุกข์ไปให้ครอบครัว กันนะครับ ช่วยกันสร้างค่านิยม เคารพกฎหมาย ยุติความรุนแรงในสังคม

ขอบคุณเฟซบุ๊ก : โกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง