“บิ๊กตู่”ตอกพรรคการเมืองเสนอปมลดงบกระทรวงกลาโหม อย่าหาเสียงแค่สนุกปาก ลั่นหากเกิดอะไรในวันข้างหน้าต้องรับผิดชอบ แจงเกณฑ์ทหารไม่ใช่ไว้เพียงในยามศึกสงคราม แต่เตรียมกำลังพลไว้ยามภัยพิบัติ
เมื่อวันที่ 18 ก.พ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ให้สัมภาษณ์หลังการประชุม ครม.ถึงกรณีที่พรรคการเมืองหลายพรรคออกนโยบายยกเลิกการเกณฑ์ทหาร และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย (พท.) ชูนโยบายตอนงบประมาณกระทรวงกลาโหมร้อยละ 10 เพื่อตั้งกองทุนสร้างนักธุรกิจรุ่นใหม่ ว่า ขอใหทุกคนเข้าใจ เพราะหน้าที่ปกป้องประเทศเป็นหน้าที่ของทุกคน การเกณฑ์ทหารเป็นหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ การเกณฑ์ทหารเข้ามาเพื่อเป็นการเตรียมการรับมือกับภัยสงคราม แม้ว่าจะมีหลายฝ่ายโต้แย้งว่าปัจจุบันไม่มีสงครามแล้ว แต่ในอดีตก็มีบทเรียนว่าสงครามมักเกิดขึ้นกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ ที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้ง ยืนยันว่าตนไม่ได้แก้ตัวให้ใคร แต่ตนพูดตามหลักการ ส่วนหน้าที่ของทหารไม่ใช่มีแค่หน้าที่ป้องกันน่านน้ำ และน่านฟ้าของประเทศ แต่ยังมีหน้าที่ป้องกันปัญหาเรื่องยาเสพติดและตามแนวชายแดน รวมถึงยังมีหน้าที่ร่วมกันพัฒนาประเทศ และเสริมกำลัง ให้กับหน่วยงานต่างๆ เช่นกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพร่ะวันนี้ไม่ได้มองแค่เรื่องสงครามเพียงอย่างเดียว
นายกฯ กล่าวต่อว่า ส่วนการจัดตั้งกองพลทหาร ล้วนได้รูปแบบมาจากฝั่งตะวันตกทั้งสิ้น เพื่อเป็นการเตรียมกองกำลังไว้นิยามสู้รบ ซึ่งใน 1 กองพันจะประกอบไปด้วยนายทหาร หมวด หมู่ และพลทหารเพื่อประกอบเป็นกองกำลังกองพัน กรม ในการสู้รบที่ต้องมีการเตรียมการไว้ หากไม่มีการเตรียมการจนเกิดความเข้มแข็งของหน่วย อาจจะลำบากในการแก้ปัญหาในวันข้างหน้า อยากให้ทุกคนเข้าใจ เพระเป็นหน้าที่ชายไทยทุกคนตอบแทนคุณแผ่นดิน แต่จริงแล้วชายไทยทุกคนต้องเป็นทหาร แต่ปัจจุบันอัตราการเกณฑ์ทหารจะเกณฑ์เท่าความจำเป็นของกำลังพลเท่านั้น ยืนยันว่าไม่ได้มีการเตรียมการไว้ต่อต้านทางการเมือง เพราะกระทรวงกลาโหมก็ต้องปฏิบัติตามรัฐบาลอยู่แล้ว
ส่วนที่หลายพรรคการเมืองเสนอนโยบายลดงบประมาณของกระทรวงกลาโหมนั้น นายกรัฐมนตรีระบุว่า ต้องไปดูกระทรวงอื่นประกอบด้วย เพราะการเพิ่มงบประมาณอาจเป็นเพราะ ต้องจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์เพิ่มขึ้นเนื่องจากไม่สามารถซ่อมแซมของเก่าได้ ส่วนทุกกระทรวงก็มีการเพิ่มงบประมาณเพิ่มขึ้นทุกปีตามหลักการจึงขอให้เข้าใจ เพราะเรื่องงบประมาณก็ถูกพิจารณาผ่านคณะกรรมการ ดังนั้นการจะหาเสียงหากจะเอาแค่สนุกปากไม่นึกถึงประเทศชาติจะต้องรับผิดชอบในวันข้างหน้า หากเกิดอะไรขึ้น ทั้งในเรื่องการช่วยเหลือภัยพิบัติ เพราะมีเพียงทหารที่ออกมาทำงานได้ และอุปกรณ์กว่าร้อยละ 50 ก็ถูกออกมาใช้เพื่อช่วยเหลือประชาชน ไม่ใช่ใช้เพียงทางการทหารเพียงอย่างเดียว
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังปฏิเสธการตอบคำถามถึงเพลงหนักแผ่นดิน ซึ่งเป็นกระแสดังในโซเชียบมีเดีย โดยระบุว่า ไม่รู้ ไม่ทราบ ยังไม่ฟัง โดยก่อนที่จะตอบคำถามผู้สื่อข่าวนายกรัฐมนตรีได้มีการตรวจดูคำถามของสื่อมวลชน พร้อมเปรยออกมาว่าช่วงนี้คำถามดุเดือดทุกวัน