เหนื่อยแทบขาดใจ “แอนนี บรู๊ค” อ่อนล้าน้ำตาไหล ไม่อยากให้ใครมาสงสาร (มีคลิป)

2019-02-12 16:00:54

เหนื่อยแทบขาดใจ “แอนนี บรู๊ค” อ่อนล้าน้ำตาไหล ไม่อยากให้ใครมาสงสาร (มีคลิป)

Advertisement

คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว “แอนนี่ บรู๊ค” เผยทั้งน้ำตาเลี้ยงลูก - ดูแลแม่ป่วย ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ค่าใช้จ่ายบาน ลั่น ! ไม่อยากให้ใครสงสาร แต่ไม่ไหวจริงๆ จะเก่งแค่ไหนก็ต้องขอความช่วยเหลือบ้าง !

เจอมรสุมชีวิตหนักเหลือเกิน “แอนนี่ บรู๊ค” ที่ตอนนี้เจ้าตัวต้องดูแลแม่ที่กำลังป่วย และลูกชาย “น้องฑีฆายุ” เพียงลำพัง ซึ่งตั้งแต่ที่คุณแม่ล้มป่วยเจ้าตัวก็ไม่ได้ไปทำงานที่ต่างประเทศอีกเลย ทำให้ค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนเพิ่มสูงมากขึ้น ล่าสุดสาวแอนนี่ก็ได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องดังกล่าวว่า...


ทราบว่าน้องฑีฆายุสมาธิสั้น ?
แอนนี่ : “ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้ว แอนทราบว่าลูกมีภาวะสมาธิสั้น เลยไปปรึกษาคุณหมอ เขาบอกว่าเป็นอาการเริ่มต้น ถ้าคุณแม่ดูตั้งแต่วันนี้น้องก็ไม่ต้องกินยา ซึ่งตอนนี้เขาก็ดีขึ้นมากๆ เมื่อก่อนนั่งนิ่งๆ ไม่ได้เลย

น้องฑีฆายุ : “คุณแม่เล่นกับผม ใช้ความรักทำให้ผมดีขึ้น ตอนที่แม่ทำงานต่างประเทศผมก็เศร้า ไม่อยากให้แม่ไป ผมต้องอยู่กับลุงกับป้า คิดถึงแม่มากๆ เวลาแม่ร้องไห้ก็บอกแม่ว่าสู้ๆ ผมรักแม่นะครับ”

ตอนนี้คุณแม่กำลังป่วย อาการเป็นยังไงบ้าง ?
แอนนี่ : “คือคุณแม่ก็เป็นเบาหวาน และโรคกระดูกพรุนด้วย เมื่อเดือนที่แล้ว คุณแม่ล้มในห้องน้ำ พอล้มปุ๊บแกไม่ได้บอกเรา นอนแช่อึ แช่ฉี่ ลุกไม่ได้อยู่บ้านที่ลำปาง ซึ่งไม่มีใครอยู่ที่บ้านเลย ประมาณ 2 วัน มีคนไปเจอ แม่โทรศัพท์มาหาบอกว่ากลับมาหาแม่หน่อย พอเราไปเจอแม่ก็อยู่ในสภาพที่มีแผลกดทับแล้ว และตอนนี้ก็เลยพาแม่มาอยู่ที่กรุงเทพฯ พาแกไปหาหมอ แต่ใจแกไม่สู้ ลุกขึ้นนั่งได้แต่แกก็ไม่ลุก ก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วเหมือนกัน”




ค่าใช้จ่ายหนักไหม ?
แอนนี่ : “ช่วงปีที่ผ่านมา พอรู้ว่าลูกสมาธิสั้น ก็หยุดบินไปทำงานต่างประเทศใช้เงินเก็บมาตลอด ไหนจะค่าเทอม เสื้อผ้า หนังสือ พาเขาไปเที่ยวห้างบ้าง จนมาถึงต้นปีที่คุณแม่ป่วยมันก็แทบจะไม่มีเงินแล้ว ซึ่งตอนที่คุณแม่ยังไม่ป่วย ค่าใช้จ่ายทั้งหมดอยู่ประมาณ 50,000 บาทต่อเดือน อันนี้คือประหยัดที่สุดแล้ว และไม่เคยขอรับบริจาค ไม่เคยยืมเงินใคร คือพอเอาคุณแม่มาเรามีเงินแค่พอกินข้าว จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ แต่ไม่มีเงินพอที่จะซื้ออุปกรณ์ใหม่ๆ ที่จะดูแลคุณแม่ได้ มันเลยถึงเวลาที่เราจะต้องขอความช่วยเหลือบ้าง ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน ก็ต้องขอความช่วยเหลือบ้าง ก็เลยคุยกับพี่ๆ ว่าหนูไม่ไหวแล้วอยากได้เตียงให้คุณแม่ ท่านเป็นแผลกดทับ แล้วเป็นเบาหวานถ้ามันติดเชื้อในกระแสเลือดคือวันเดียวไปเลย เลยถามว่ามีใครพอจะสนับสนุนตรงนี้ได้บ้าง ซึ่งทางพวกพี่ๆ เขาก็จัดหามาให้ ก็ดีใจมากได้เอาเตียงให้”

แล้วตอนนี้เงินพอใช้ไหม ?
แอนนี่ : “ไม่พอเราก็พยายามขายของออนไลน์ อัพเดตสินค้าใหม่เรื่อยๆ มีคุยกับเพื่อนๆ ว่าใครมีอะไรให้ทำบ้าง คือเราไม่ขอยืมเงินใคร ไม่เบียดเบียนใคร แต่ใครมีอะไรให้เราทำแลกเงินบ้าง คือขอแค่นี้เอง แอนไม่อยากร้องไห้ออกสื่อ ไม่อยากให้ใครมาสงสาร พอถามว่าเหนื่อยมั้ยมันก็ไม่ไหวแล้วจริงๆ”


วางอนาคตไว้ยังไงบ้าง ?



แอนนี่ : “ยังนึกอะไรไม่ออก ก็ขายของออนไลน์อยู่ อยากให้ทุกคนเปิดใจ เรามีสินค้าหลากหลายให้เลือก เพราะเรารู้ว่าคนไทยขี้เบื่อ”

เรื่องคุณพ่อ คุณแม่ บุญธรรมของน้องฑีฆายุ ? 
แอนนี่ : “มีคนเสนอตัวจะส่งเสียน้องฑีฆายุ ให้เรียนจนจบปริญญาตรี แต่พอเห็นค่าเทอมแค่อนุบาล 1 เขาก็บอกว่าแพง เขาใช้คำพูดเหมือนเราไปขอเงินเขา ซึ่งจริงๆ เราไม่ได้เป็นคนขอความช่วยเหลือ เขาเป็นคนออกตัว ออกสื่อเอง เขาใช้คำพูดที่มันเหยียบใจเรา แอนก็เลยบอกว่านั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวหนูดูแลลูกเอง”


เกิดดราม่าว่าทำไมให้ลูกเรียนโรงเรียนอินเตอร์ ? 
แอนนี่ : “ตอนแอนทำงานต่างประเทศ แอนจ่ายได้ แล้วคิดว่าต่อไปนี้แอนก็จะต้องทำงานไปเรื่อยๆ จนกว่าจะไม่ไหว ซึ่งเราเป็นคนขยันยังไงเราก็จ่ายได้ บางคนบอกว่าไม่มีตังจะให้เรียนทำไม อนาคตของลูกใครๆ ก็อยากให้ดีกว่าพ่อ กว่าแม่อยู่แล้ว แต่ตอนนี้ก็ให้ลูกย้ายโรงเรียนมาใกล้ๆ บ้าน เป็นโรงเรียนสองภาษาธรรมดาแทน”

สถานหัวใจตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ? 
แอนนี่ : “ก็มีคนเข้ามา แต่ว่าถ้าเขามาไม่ได้เพราะรัก หรือว่าอยากจะช่วยเหลือจริงๆ ตั้งใจผ่านมาก็ผ่านไป เอาเงินให้อย่างนี้ เราไม่อยากลดคุณค่าตัวเองในเวลาที่เรามีวิกฤติ อย่าลดคุณค่าตัวเองเพราะสถานการณ์บีบบังคับมันไม่จำเป็น ยืนด้วยตัวเองมันจะยืนได้นาน แต่ถ้าเกิดยืนได้เพราะมีคนอื่นเข้ามาช่วย เราไม่ได้อายุน้อยๆ แล้ว เดี๋ยวเขาไปเจอคนสวยกว่าเขาก็ไป” 







ขอบคุณรูปจากอินสตาแกรม: @annie_teekayu