เช็กน้ำเชื้อแป๊บ !! "ก็อต" ยิ้มร่าความรักสวีตดี แต่ยังไม่คิดมีทายาท

2019-02-06 15:30:26

เช็กน้ำเชื้อแป๊บ !! "ก็อต" ยิ้มร่าความรักสวีตดี แต่ยังไม่คิดมีทายาท

Advertisement

คว้ารางวัล “นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม” จากละครเรื่อง "คมแฝก" บนเวที Asian Television Awards มาครอบได้สำเร็จสำหรับนักแสดงหนุ่ม "ก็อต จิรายุ ตันตระกูล" งานนี้พอเจอเจ้าตัวในงานบวงสรวงภาพยนตร์เรื่อง "จอมขมังเวทย์" เลยสอบถามถึงเรื่องนี้ พร้อมอัพเดตเรื่องแพลนหัวใจในอนาคตกับสาว "โบว์ เบญจวรรณ อาร์ดเนอร์" หลังคบหาดูใจกันมานานถึง 6 ปีได้ความว่า

ได้เป็นตัวแทนนักแสดงไทยรับรางวัล ...
ก็รู้สึกดีใจที่เป็นหน้าเป็นตาให้คนบ้านเราด้วย เพราะมีคนจากหลายประเทศเข้าชิง ก็ไม่คาดคิดว่าจะได้ (หัวเราะ) ไปนั่งก็ยังมึนๆ อยู่ เดินเข้าไปก็ยังเอ๊ะชื่อกูเหรอ





ความรู้สึกวินาทีที่เขาประกาศชื่อเรา ?
เอาตรงๆ คือ ฉิบหายแล้วกูจะพูดอะไรดี (หัวเราะ) ไม่ได้เตรียมคำพูดอะไรเลยครับ ก็ด้นๆ ไปตรงนั้น แต่เรารู้แล้วว่าเราอยากขอบคุณใครบ้าง ก็ขอบคุณช่อง 3 ขอบคุณพี่นก ฉัตรชัย ขอบคุณอาจารย์ของเรา



คือไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ใช่ไหม ?
ด้วยความที่มันเป็นรางวัลใหญ่ แล้วมันเข้าชิงหลายประเทศ โปรดักชั่นของไต้หวันเราเห็นก็ยังว้าว เราก็ไม่ได้คิดอะไรขนาดนั้นครับ

มันต่อยอดจากความฝันของเราที่อยากโกอินเตอร์ไหม ?
ใช่ครับ คือผมดีใจไม่ใช่เพราะว่าละครดังนะ แต่ดีใจที่ว่าเราได้สานฝันเราให้เป็นจริง เราทำให้งานของเรามีคนยอมรับไม่ใช่แค่ในประเทศ





ภูมิใจขนาดไหน ?
ภูมิใจครับ

ได้มีโอกาสถามไหม ว่าทำไมเขาถึงชอบเรา ?
ก็แอบถามครับว่าตัดสินยังไง เขาเอาซีนไหนไปดู เขาก็บอกว่าเขาดูตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งถ้าเขาดูทั้งเรื่องเขาจะเห็นว่าผมใส่รายละเอียดอะไรไปเยอะพอสมควร ถ้าคนดูเป็นเขาก็จะดูออกว่าไอ้นี่มันใช้เทคนิคนี้ๆ



พอมีรางวัลการันตีแล้ว เรื่องต่อไปเราต้องเข้มข้นกว่าเดิมไหม ?
ทำงานไม่ได้คาดหวังรางวัล แต่คาดหวังคุณภาพสู่ผู้ชมสู่คนดูครับ



หายเหนื่อยเลยไหม อยู่วงการมาหลายปีแล้วได้รางวัลนี้มา ?
จริงๆ หายเหนื่อยเพราะว่าคนดูชอบมากกว่า รางวัลเป็นสิ่งที่ได้มาและต้องผ่านไป เพราะถ้าเราไปชื่นชอบกับคำชมมาก วันนึงพอคนด่าเราก็จะรับไม่ได้ครับ



ปีนี้มีละครกี่เรื่อง ?
ปีนี้จะเป็นภาพยนตร์ซะมากกว่า ตอนนี้ก็มี 2 เรื่อง แต่ยังรับได้อีกครับ (หัวเราะ) แต่ละครก็ยังคุยๆ กันอยู่ครับ แต่พอดีคิวมันชนกันนิดหน่อย อยู่ที่ว่าวางคิวได้แค่ไหน



ดูเหมือนว่าช่วงนี้ความรักของเราจะหวานขึ้นมากด้วย ?
เป็นปกติครับ คือผมมีอินสตาแกรมก็เลยต้องสร้างภาพนิดหนึ่ง

หลายคนสงสัยว่าทำไมเราถึงชอบแกล้ง โบ ขนาดนั้น ?
ก็เพราะไม่มีใครยอมเล่นกับผมสักเท่าไหร่ มีแค่เขาคนเดียว (หัวเราะ) เอาจริงๆ ตัวเขาเองก็แกล้งผมเยอะกว่าอีกนะ แกล้งแบบแสบๆ เลยด้วย แต่เขาไม่ยอมเอามาโพสต์ลง



เรียกว่าการแกล้งกันแบบนี้คือวิธีเติมความหวานของคู่เรา ?
ผมมองว่าถ้าหากเราคบกันและเราจะต้องรักกันอย่างเดียว แบบนั้นมันก็คงจะไม่มีชีวิตชีวาสักเท่าไหร่ ซึ่งการหยอกล้อกันของผมกับเขา เอาจริงๆ เลยนะผมก็ไม่ได้ทำแค่กับแฟนคนเดียวหรอก เพราะกับพ่อกับแม่ผมก็ทำ คือมันก็เป็นอะไรที่สนุกสนานดี

ความรักราบรื่นขนาดนี้ ใกล้มีข่าวดีให้ได้ยินหรือยัง ?
ยังหรอกครับ เรายังไม่ได้แพลนอะไรกันเลยสำหรับเรื่องนี้ แต่เราจะแพลนกันเรื่องอื่นมากกว่า อย่างเช่นเราตั้งใจจะทำงานภายใน 6 ปีนี้ เพื่อจุดประสงค์หนึ่งซึ่งยังไม่สามารถบอกได้ เพราะเราก็กลัวว่าถ้าหากพูดไปแล้วแต่ทำไม่ได้มันจะดูไม่ดี



แสดงว่าเรามีการวางแผนเอาไว้ทุกอย่าง ชัดเจน สำหรับเรื่องอนาคต ?
ใช่ครับ ผมตั้งเป้าไว้หมดแล้วว่าผมจะตายเมื่อไหร่ จะเลิกทำงานเมื่อไหร่ จะอยู่วงการอีกสักกี่ปี คือมีการแพลนเอาไว้หมดเลย

ทำไมเราถึงต้องวางแผนเอาไว้ขนาดนั้น ?
ผมรู้สึกว่าการแพลนเอาไว้มันดีกว่า ดีกว่าเราใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ เพราะการที่เราทำแบบนี้มันทำให้เรารู้ว่าเรามีอะไรที่จะต้องทำอีกบ้าง เพื่อเป็นเป้าหมายในการใช้ชีวิตของเรา

บอกได้ไหมว่าสิ่งที่เราแพลนเอาไว้มีเรื่องอะไรบ้าง ?
หลายอย่างเลยครับ อย่างเช่น ผมตั้งใจว่าอยากจะทำอะไรให้ดีๆ ให้กับสังคมบ้างนอกจากการสร้างผลงานในวงการบันเทิง เพื่อที่พอถึงวันหนึ่งผมจะได้ใช้สิ่งที่ผมเรียนรู้ในวงการไปต่อยอดกับงานด้านอื่นๆ



เรื่องลูกเราได้แพลนไว้หรือเปล่าว่าจะมีเมื่อไหร่ ?
เรื่องนี้ต้องขอเช็กน้ำเชื้อตัวเองก่อนครับ (หัวเราะ) ถามว่าผมกลัวเรื่องอายุไหม คือผมรู้สึกว่าผมยังแข็งแรงอยู่นะ ถ้าอายุ 50 ผมก็คงจะยังแข็งแรง แข็งและแรงมาก

แล้วแฟนเราเขาได้เตรียมตัวไว้บ้างหรือเปล่า ?
คนนั้นเขาดูแลตัวเองดีมากครับ จนเดี๋ยวนี้ผมต้องตามเขาแล้ว คือเมื่อก่อนผมจะเป็นฝ่ายสอนเขาออกกำลังกาย แต่เดี๋ยวนี้เขาเป็นฝ่ายดูแลเรื่องโภชนาการให้ผมแทน

เขาเคยพูดถึงเรื่องนี้บ้างหรือเปล่า ?
ก็ไม่เลยนะครับ คือพอเราเริ่มคุยกันแบบเป็นเพื่อนความคาดหวังในตัวกันและกันมันก็ไม่ได้มากขนาดนั้น เหมือนเราอยู่กับปัจจุบันและเราก็แฮปปี้แล้ว เราโอเคกับสิ่งที่เป็นอยู่ ซึ่งสายตาคนที่มองมาเขาอาจจะอยากให้เราเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ แต่ไม่เคยมีใครถามเราเลยว่าจุดที่เราเป็นอยู่เราโอเคหรือเปล่า เรามีความสุขหรือเปล่า



แสดงว่าคู่เราไม่ได้มีจุดอิ่มตัว ?
ผมมองว่ามันมีทุกคู่นะครับ แต่อยู่ที่เรามากกว่าว่าเราจะกล้าพูดมันออกมาไหม รวมถึงเราจะสามารถรักษาสมดุลของมันเอาไว้ได้หรือเปล่า ซึ่งคู่เราก็คบกันมานานแล้วประมาณ 5-6 ปี แต่ถามว่าเราเลยจุดอิ่มตัวไปแล้วหรือยัง คือผมรู้สึกว่าของแบบนี้มันก็เหมือนก้อนเมฆที่ผ่านเข้ามาและก็ผ่านไป

ผู้ใหญ่ทั้งสองครอบครัวเคยถามเราถึงเรื่องอนาคตบ้างหรือเปล่า ?
ไม่เลยครับ ซึ่งผมรู้สึกโชคดีนะที่พ่อแม่ผมและพ่อแม่เขาต่างก็เคารพในการตัดสินใจของเราทั้งคู่

ที่เราไม่ได้รีบเป็นเพราะเราทั้งคู่ก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องการมีทายาท ?
ใช่ครับ เรายังไม่ค่อยได้คิดเรื่องนี้สักเท่าไหร่ ซึ่งผมยอมรับนะว่าผมเป็นคนชอบเด็ก แต่ผมก็รู้อีกเหมือนกันว่าผมยังไม่มีความสามารถที่จะเป็นพ่อคน เพราะผมยังสอนตัวเองไม่ได้ ดังนั้นผมจะไปสอนลูกได้อย่างไร