ทำบุญตักบาตรตรุษจีน รำลึก 60ปี “สัมพันธ์อินโดจีน”

2019-02-05 11:10:00

ทำบุญตักบาตรตรุษจีน รำลึก 60ปี “สัมพันธ์อินโดจีน”

Advertisement

ประชาชน 4 เชื้อชาติ ไทย ลาว จีน เวียดนาม ร่วมทำบุญตักบาตรตรุษจีน รำลึก 60 ปี สงครามอินโดจีนสู่ความสัมพันธ์ กระตุ้น เศรษฐกิจ และการท่องเที่ยว

วันที่ 5 ก.พ. ที่บริเวณลานหอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม นายรังสรรค์ คำภิรานนท์ รอง ผวจ.นครพนม พร้อมด้วย นายนิวัต เจียวิริยบุญญา นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองนครพนม นำข้าราชการ เจ้าหน้าที่ รวมถึง ประชาชนชาวไทย ชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม เชื้อสายจีน รวมถึงชาวลาว พร้อมใจร่วมกิจกรรมทำบุญตักบาตร เพื่อเป็นสิริมงคล เนื่องในวันตรุษจีน เพื่อเป็นการสืบสานประเพณีอันดีงามของชาวไทยเชื้อชาติจีน รวมถึง ชาวไทยเชื้อ สายเวียดนาม และชาวลาว แสดงออกถึงความสัมพันธ์อันดี จากอดีตสู่ปัจจุบัน


ทั้งนี้เนื่องจาก จ.นครพนม ถือเป็นพื้นที่ชายแดนสำคัญ ที่มีความสัมพันธ์ อันดีกับประเทศเพื่อนบ้านมายาวนาน รวมถึงชาวไทยเชื้อสายจีน เวียดนาม ลาว เคยอพยพมาอาศัยในยุคสงครามอินโดจีน จึงมีความสัมพันธ์อันดีมาอย่างต่อเนื่อง และมีบางส่วนได้อพยพย้ายถิ่นฐานมาอยู่ในพื้นที่ จ.นครพนม และสร้างฐานที่อยู่มาถึงปัจจุบัน ทำให้ จ.นครพนม เป็นจังหวัดที่มีชนหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่ ส่งผลดีต่อความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน และการส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม จะยังคงสืบสานประเพณีทำบุญไหว้ตรุษจีน มาแต่อดีตถึงปัจจุบัน

โดยในช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้ทุกเชื้อชาติ จะได้ร่วมประกอบกิจกรรมตรุษจีน รำลึกความสัมพันธ์อันดีมาแต่อดีต ซึ่งในปีนี้ ถือว่าครบรอบ 60 ปี ในการก่อสร้างหอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ ตั้งแต่ปี 2503 ที่ยังเป็นอนุสรณ์มาถึงปัจจุบัน ให้รำลึกถึงเมื่อครั้งที่ชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม ได้อพยพมาลี้ภัย ในยุคสงครามอินโดจีน และเมื่อย้ายกลับมาตุภูมิได้สร้างหอนาฬิกาไว้เป็นอนุสรณ์ กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญจวบถึงปัจจุบัน เป็นการเชื่อมโยงสู่การท่องเที่ยว รวมถึงมีการก่อสร้างอนุสรณ์สถานโฮจิมินห์ ขึ้นที่บ้านนาจอก ต.หนองญาติ อ.เมืองนครพนม ทำให้ในช่วงประเพณีสำคัญ รวมถึงเทศกาลตรุษจีน จะมีประชาชนเดินทางมาร่วมกิจกรรมทำบุญ และท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ส่งผลดีต่อภาคเศรษฐกิจการค้าชายแดน เงินหมุนเวียนสะพัด และปัจจุบัน จ.นครพนม ถือเป็นจังหวัดท่องเที่ยวชายแดนที่มีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นทุกปี ล่าสุดเพิ่มจากปีที่ผ่านมา จากปีละประมาณ 8 แสนคน ปัจจุบันเพิ่มเป็นปีละเกือบ 2 ล้านคน