"สมศักดิ์"แขวะพรรคส่งว่าที่ผู้สมัคร 250 เขต แต่คุยได้ 250 เก้าอี้เป็นไปได้อย่างไร มั่นใจนโยบายดี ไม่ต้องทำอะไรมาก แนะผู้สมัครอย่าพูดอะไรหมิ่นเหม่หลังถูกตามถ่ายคลิปด้วย
เมื่อวันที่ 2 ก.พ.นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจในการรณรงค์ การหาเสียงเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ได้เน้นการอธิบายนโยบายเป็นพิเศษ ซึ่งต่างจากเดิมที่พูดภาพรวม อาทิ จ.พิจิตร เป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำ จะเน้นนโยบายในเรื่องของข้าวและที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ์ รวมถึง ส.ป.ก.4-01 ซึ่งหลังจากนำเสนอ กระแสนิยมที่ดูจากสายตาของประชาชนนั้นชื่นชอบเป็นจำนวนมาก ส่วนการลงพื้นที่ จ.พิษณุโลก มีที่ดินป่าสงวนและส.ป.ก.4-01 จึงเน้นจัดสรรที่ดินเพื่อทำการเกษตรให้ประชาชน ทำให้ประชาชนชอบใจ นอกจากนี้ ยังแถมนโยบายโคบาลประชารัฐ ขณะที่จ.สุโขทัย ที่ดินส่วนใหญ่ขาดแคลนเรื่องของน้ำ จึงมีการเสนอเรื่องของการผันน้ำ โดยในภาพรวมของการลงพื้นที่ 3 จังหวัด นโยบายของพรรคพลังประชารัฐจะใช้ 3-4 ข้อ ซึ่งประชาชนขานรับ ทำให้ส่วนตัวรู้สึกไม่หนักใจ และคิดว่าการที่พรรคการเมืองอื่นบอกว่าจะกวาด 250 คน แต่ส่ง 250 เขตนั้นจะเป็นไปได้อย่างไร เพราะบางจังหวัดดูแล้วไม่ได้ คิดว่าเขาจะได้บัญชีรายชื่อมากกว่าเขต
ส่วนการลาออกของนางพรรณสิริ กุลนาถศิริ นายก อบจ.สุโขทัย เพื่อมาลงสมัคร ส.ส.สุโขทัย เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ จะมีผลกระทบหรือไม่นั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า นายก อบจ.สุโขทัยนั้นคนรู้กันว่าเป็นนักวิชาการที่ไม่ไปล้วงลูก รวมถึงไม่ไปใช้บทบาทหน้าที่นายก อบจ. มาเป็นประโยชน์ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยถูกร้องเรียน ดังนั้นการลาออกหรือไม่มีค่าเท่ากัน แต่นายก อบจ.ก็อยากลาออกมาเป็นเดือนแล้ว เนื่องจากไม่อยากทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ เพราะเป็นคนรักษาภาพ ขณะเดียวกันเขต 1 สุโขทัย ที่มีนางพรรณสิรินั้นก็มั่นใจว่า ในสังคมเมืองที่พรรคการเมืองอื่นได้คะแนนเสียงดีจะเปลี่ยนไป เพราะคนในชุมชนเมืองรับนางพรรณสิริได้ดี เนื่องจากเป็นคนขยัน เป็นนักวิชาการ ส่วนในชนบท เป็นความนิยมในครอบครัวของตนเอง ซึ่งคิดว่าจ.สุโขทัยน่าจะมีโอกาสปักธงหลายเขต
นายสมศักดิ์ กล่าวถึง การลงพื้นที่แล้วมีบุคคลมาตามถ่ายคลิปด้วยว่า พรรคการเมืองอื่นคงจับจ้องตนเป็นพิเศษในฐานะที่เป็นประธานรณรงค์หาเสียง แต่มั่นใจว่าไม่เคยทำผิดกฏหมาย เพราะเวลาพูดอะไรมีหลักการ และจากที่ทำการเมืองมาตั้งแต่ปี 2526 ก็ไม่มีอะไรที่ผิดกฎหมาย การหาเสียงเป็นไปตามกรอบ ส่วนบุคคลที่ตามมาถ่ายคลิปนั้นเป็นอดีตข้าราชการ ซึ่งตนก็ให้ทีมงานไปสอบถามว่าบันทึกภาพวิดีโอทำไม อยากเตือนผู้สมัครคนอื่น ต้องระมัดระวังด้วย อย่าทำอะไรที่ดูหมิ่นเหม่ ขอให้อ่านกฎระเบียบให้ชัดเจน
เมื่อถามว่า หลังจากเปิดนโยบายการลงพื้นที่จะมีการปรับเปลี่ยนอย่างไร นายสมศักดิ์ กล่าวว่า นโยบายดี บางทีก็ไม่ต้องทำอะไรมาก เพราะส่วนกลางช่วยผู้สมัครได้จำนวนมาก ซึ่งประชาชนต้องการตัวบุคคล ร้อยละ 40-50และนโยบายพรรคร้อยละ 50-60โดยสังเกตุดูได้จากนักการเมืองในอดีตที่คิดว่าตัวเองเก่งมาก แต่สอบตก เพราะประชาชนฟังนโยบายที่ชัดเจน