"เป้" อุบตอบเหตุเลิก "หมิว" ปัดไม่เคยทำร้ายร่างกายแฟนเก่า

2019-02-01 11:39:56

"เป้" อุบตอบเหตุเลิก "หมิว" ปัดไม่เคยทำร้ายร่างกายแฟนเก่า

Advertisement

เรียกว่ามีข่าวรุมเร้าอย่างต่อเนื่องเลยทีเดียวสำหรับนักร้องหนุ่ม "เป้-บดินทร์ เจริญราษฎร์"  นักร้องนำวงมายด์ หลังมีข่าวว่าเพิ่งเลิกรากับสาว "หมิว-สิริลภัส กองตระการ" พร้อมคำบอกเลิกว่า "คุณไม่ใช่ความสุขของผมอีกต่อไป" จนกลายเป็นเรื่องราวดราม่ากันในโลกออนไลน์ แถมยังมีข่าวว่าเคยโดนนักร้องคนดังทำร้ายร่างกายพร้อมเผยถึงสาเหตุที่ต้องเลิกรากันไป



ล่าสุดวงมายด์ นำทีมโดย เป้-บดินทร์ เจริญราษฎร์ (ร้องนำ), เป้-ไพสิฐ คำกลั่น, เต่า-เจน มโนภินิเวศ, ทอมท่อม-ณธีพัฒน์ ประเสริฐมนูกิจ, ขุน-พิทวัส ขุนทอง และ ไมค์-ธงไชย ทิมพูล ได้รวมตัวกันแถลงข่าวถึงเรื่องนี้หลังเจอผลกระทบจนทำให้เกิดความเสียหายต่องานเป็นอย่างมาก โดยทั้งวงได้เปิดใจถึงเรื่องนี้ว่า






จากข่าวที่เกิดขึ้นมีอะไรจะชี้แจงบ้าง? 



เป้ : จริงๆ ช่วงนี้รู้สึกพี่ๆ จะให้ความสนใจพอสมควรนะครับ ผมก็ต้องขอบคุณมากนะครับ มีหลายข่าวเหลือเกินนะครับตอนนี้ ก็เอาเป็นว่าผมขอพูดในส่วนที่เพื่อนๆ ผมโดนหางเลขไปด้วยแล้วกัน คือเรื่องที่มีการพูดถึงว่าเราไปทำร้ายผู้หญิง เป็นการรุมทำร้ายผู้หญิง ผมต้องพูดว่าจริงๆ แล้วเรื่องราวมันเกิดขึ้นมานานมากแล้ว ประมาณสัก 6-7 ปีผ่านมาแล้วนะครับ เรื่องราวจริงๆ แล้วมันถูกบิดเบือนไปจากความเป็นจริงเยอะพอสมควร จริงๆ แล้วก่อนที่จะมีการตีความอะไรอย่างนี้ออกไปผมแนะนำว่าน่าจะต้องได้คุยกันก่อนทั้งคู่มากกว่า เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่พอสมควร ผมได้คุยกับทางค่ายมาแล้วและทางผู้ใหญ่หลายๆ คนมาแล้ว เพราะเรื่องนี้ละเอียดอ่อนมาก มันเป็นเรื่องของการทำร่ายร่างกายคนครับ มันไม่ใช่เรื่องบันเทิงทั่วๆ ไป ผมขออนุญาตพูดอะไรที่ผมพูดได้เท่านั้นนะครับ เพราะถ้าพูดอะไรที่มันเกินกว่านี้ไปมันอาจจะไปส่งผลกระทบต่อเรื่องอื่นๆ ด้วย



จริงๆ ได้มีการทำร้ายเขาไหม?



เป้ : ไม่ครับ จริงๆ วันนั้นเป็นวันที่พวกเราเปิดร้าน อยู่ที่ซอยเสือใหญ่

เต่า : เป็นร้านเหล้าที่พวกเราหุ้นกัน เป็นวันแกรนด์โอเพนนิ่งที่มีศิลปินเยอะมาก และมีคนทั่วไปมานั่งใช้บริการที่ร้านด้วยนะครับ และเรื่องมันเกิดว่าคุณเป้กับแฟนเก่าเขามีปากมีเสียงกัน เราก็เห็นท่าไม่ดี สิ่งที่เราทำวันนั้นก็คือเป็นการห้ามปราม ไม่ให้เขาอยู่ใกล้กันครับ เพราะว่ามันมีการลงไม้ลงมือกันเกิดขึ้น ค่อนข้างรุนแรง เราก็เลยแยกให้มันอยู่ห่างกัน เพื่อให้คนในร้านจะได้ไม่ตกใจ และไม่ให้เกิดปัญหาครับ เราก็ต้องควบคุมสถานการณ์ของร้านด้วย เพราะร้านกำลังจัดงานอยู่ แต่เหตุการณ์มันบานปลายจนมีการลงไม้ลงมือ ถือขวดน้ำและทำลายทรัพย์สินในร้าน เราก็เลยต้องพาตัวเขาออกนอกร้านครับ

เป้ : อันนี้เราพูดถึงอีกฝั่งนึงนะครับ จริงๆ แล้วพวกเรา 6 คน การที่เราจะมาทำอะไรแบบนั้นหรือว่าตามที่ข่าวตีออกไปว่าเรามีการไปจิกหัวหรือไปตบเขา ผมพูดตรงๆว่าเราไม่มีโอกาสไปทำอะไรแบบนั้นเลย ไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำว่าจะทำแบบนั้น และไม่ได้ทำด้วยนะครับ

เต่า : คือคนเต็มร้านขนาดนั้น เราไม่สามารถไปรุมทำร้ายผู้หญิงได้อยู่แล้วครับ คือถ้ามีเหตุการณ์อย่างนั้นขึ้นจริงๆ คิดว่ามันจะไม่มีภาพออกมาตั้งแต่วันนั้นเหรอครับ เพราะว่าคนอยู่เยอะมากวันนั้น พี่ๆ ศิลปินคนอื่นก็อยู่ครับ







คนที่ถือขวดน้ำคือผู้หญิงใชไหม แล้วเป้ได้ต่อสู้กลับด้วยไหม?

เป้ : ผมไม่ได้อะไร



เป้ แซ็กโซโฟน : เป้ไม่ได้ทำอะไรเลยครับ พวกผมก็เลยต้องคอยห้าม เพื่อให้เขาไม่ทำร้ายเป้ด้วยครับ





มีจังหวะไหนที่เราไปโดนตัวเขาบ้างไหม แล้วทำให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าเข้าไปทำร้ายเขาบ้างไหม?

เป้ : คือเขาเจตนาเข้ามาทำร้ายก่อน ทีนี้หน้าที่ของพวกเราคือทำยังไงก็ได้ให้มีความสงบในร้านมากที่สุด พวกเราก็เลยจัดการที่จะต้องยกเขาออกไป

เป้ แซ็กโซโฟน : อุ้มออกไป เหมือนเวลาห้ามคนทะเลาะกันนั่นแหละครับ

เป้ : แต่ไม่มีการจิกหัวหรือมาตบอะไรอย่างที่ข่าวออกไปแน่นอน

เต่า : คือข่าวบอกว่าคุณเป้บอกให้พวกผมไปรุมทำร้าย ผมอ่านแล้วมันไม่ใช่เป็นการสั่งการครับ มันเป็นการห้ามปรามมากกว่าว่าอย่าทะเลาะกันนะ เพราะไม่อยากให้มีปัญหาภายในร้านเท่านั้นเอง



ที่เขาบอกว่าเป้ขี่รถออกไปด้วย?

เป้ แซ็กโซโฟน : ผมเป็นคนดึงเป้กลับไปนอนที่บ้านผมเอง

เต่า : คือร้านมันอยู่ใต้ดินครับ มันมีทางออกทางเดียวคือตรงบันไดแคบๆ เลย

เป้ แซ็กโซโฟน : สุดท้ายคือเราดันคุณผู้หญิงคนนั้นไปไว้ในร้าน และพยายามดึงเป้ไปไว้ข้างบนให้ได้เพื่อจะหนีกลับ ผมก็พยายามให้พี่ชายผมมารอ คือเราทำยังไงก็ได้ให้เป้หนีออกมาให้ได้ก่อน เพราะอยู่ตรงนั้นไม่ได้แล้วเพราะมันค่อนข้างรุนแรง ก็เลยรีบเอาเป้ออกไปให้ได้ก่อน ถ้าตามในข่าวก็คือคุณเป้ออกไปจากร้านจริงครับ เพราะต้องเอาออกจากร้านแล้วเพราะว่ามันจัดการสั่งการอะไรไม่ได้แล้ว






ในข่าวบอกว่ามีผู้หญิงอีกคนไปด้วยใช่ไหม?

เป้ แซ็กโซโฟน : ผู้หญิงที่ไปด้วยคือแฟนผม เขาเป็นคนขับรถมากับผม ถ้าผู้หญิงที่เห็นในรถนั่นคือแฟนผมครับ



ก่อนเรื่องนี้เคยมีประวัติทะเลาะกระทบกระทั่งกันมาก่อนบ้างไหม?

เป้ : คือผมเชื่อว่าทุกคู่ต้องมีการทะเลาะกันอยู่แล้ว แต่เรื่องรุนแรงไม่รุนแรงอันนี้ผมไม่ทราบ คือส่วนตัวผมเองผมคิดว่าผมดูแลให้ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ ผมพยายามไม่ให้เดือดร้อนกับใคร ผมพยายามให้มันเป็นเรื่องของคนสองคนมาเสมอ แต่พอมาถึงวันนั้นมันเป็นเรื่องที่ทำให้ทุกคนต้องมาเดือดร้อนในร้าน ผมก็เลยรู้สึกว่าผมทำได้ดีที่สุดก็คือผมพยายามไม่ตอบโต้อะไรทั้งสิ้น เพราะวันนั้นเป็นวันแกรนด์โอเพนนิ่ง ผมต้องดูแลแขกทุกคนที่อยู่ในร้าน แต่สุดท้ายกลายเป็นว่ามีผู้หญิงคนนึงเข้ามาทำให้เกิดความไม่สงบในร้าน ผมทำได้ดีที่สุดคือผมอยู่เฉยๆ และต้องให้ทุกคนช่วยแยกเขาออกไป และสุดท้ายผมก็ต้องเป็นคนออกไปจากร้านเอง ทั้งๆ ที่มันเป็นร้านของผมและเป็นวันแกรนด์โอเพนนิ่งของผม ผมต้องเป็นคนออกจากร้าน ผมว่าแค่นี้มันก็มากแล้วนะครับ


เป้ แซ็กโซโฟน : อีกอย่างที่ผมว่าไม่จริงที่ว่าคุณขุนไม่ห้ามในเหตุการณ์วันนั้น จริงๆ วันนั้นคุณขุนไม่อยู่เลยด้วยซ้ำในจังหวะนั้น ดังนั้นไม่จริงเลย




ผู้หญิงคนนั้นบอกว่ามีหลักฐานเป็นนักข่าวที่เป็นเพื่อนเขา เรามั่นใจที่เราพูดวันนี้ไหม?

เป้ : มั่นใจครับ เอาเลยครับ

เต่า : วันนั้นลูกค้ามันเยอะ ผมว่าพยานน่าจะเยอะกว่านั้น ผมว่าถ้าจะไล่พยานคนก็น่าจะเห็นเยอะ มันไม่ใช่การรุมแน่นอน

เป้ แซ็กโซโฟน : มันมีคนนอกด้วย มีพี่ๆ ศิลปินคนอื่นด้วย จริงๆ มันสามารถถ่ายคลิปเอาไว้ได้และเอาออกมา จริงๆ มันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว ไม่รู้ยังมีอยู่ไหม

เป้ : มันแปลกตรงที่ว่าอยู่ๆ เรื่องราวเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นมา ทั้งที่เรื่องนี้มันผ่านมาแล้ว 6 ปี แต่อยู่ๆ ก็มามีเรื่องนี้เกิดขึ้นมา แล้วถ้าสมมติว่ามีการรุมทำร้ายกันจริงๆ ตอนนั้นจะรอถึง 6 ปีทำไม อีกอย่างเขาได้บาดเจ็บจริงหรือเปล่า ถ้าเขาบาดเจ็บจริงๆ แล้ววันนั้นทำไมถึงไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

เป้ แซ็กโซโฟน : ทำไมไม่ไปแจ้งความ ไม่ไปโรงพยาบาล ทำไมไม่ไปเช็คร่างกาย





คิดว่าทำไมเขาถึงออกมาพูดตอนนี้?

เป้ : นั่นสิ ไม่ทราบเลยครับ



ในช่วงที่เป้ยังคบกันอยู่ เพื่อนๆ ในวงมีปัญหากับเขาบ้างไหม?

เป้ แซ็กโซโฟน : เรารักกันดีครับ เพื่อนๆ แฟนเพื่อนเราก็ดูแลกันอยู่แล้วครับ เราสนิทกันมากด้วยครับ เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่เราช็อคใช้ได้ในระดับหนึ่งเหมือนกัน ทุกคนก็ตกใจครับ แต่เราก็แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าในวันนั้นเฉยๆ



เสียความรู้สึกไหม?


เป้ แซ็กโซโฟน : แน่นอน เรารักกันครับในระหว่างที่เขาคบกัน



มีข่าวว่าทำร้ายผู้หญิง ทำให้เราเสียหายและดูไม่แมนกันทั้งวง ถ้าเขาเอาหลักฐานออกมายืนยัน?

เต่า : ถ้ามีหลักฐานจริงๆ พวกผมไม่ต้องออกมาแถลงเลยนะ พวกผมก็ไม่ต้องมาพูดอะไรเลย




ที่ร้านไม่มีติดกล้องวงจรปิดเหรอ?

เป้ : ผมไม่แน่ใจเรื่องกล้อง เพราะมันนานมากแล้ว

เป้ แซ็กโซโฟน : จริงๆ มีกล้องครับ เรากำลังตามอยู่

เต่า : ผมว่าฟังความกันไปมามันก็ไม่แฟร์ แต่สิ่งที่เราออกมาพูดแบบนี้คือมันไม่มีหลักฐาน เราก็ต้องการปกป้องสิ่งที่ว่าเราไม่ได้รุมทำร้ายผู้หญิง เราลูกผู้ชายพอครับ ทำไมต้องไปรุม แค่ทำร้ายผู้หญิงมันก็แย่แล้ว ทำไมต้องไปรุมทำร้ายอีก ผมว่าเรื่องมันละเอียดอ่อนกับพวกผมมาก มันส่งผลต่อภาพลักษณ์การทำงาน ครอบครัว คนใกล้ตัวครับ





ตอนเห็นข่าวครั้งแรกช็อกไหม ทั้งที่เรื่องมันนานแล้ว?

เต่า : ตอนแรกผมไม่ให้ความสำคัญนะ เพราะมันไม่ใช่ความจริง แต่ทีนี้พอคนใกล้ตัวมาถามมากขึ้น เพื่อน คนใกล้ชิดโทรมาถาม ผมรู้สึกว่าไม่พูดไม่ได้แล้ว มันเป็นเรื่องที่ส่งผลต่อจิตใจทุกคน การรุมทำร้ายผู้หญิง มันเป็นอะไรที่มันไม่ดี อะไรที่มันไม่จริง ต้องออกมาพูด ต้องออกมาปรึกษาค่าย ว่าทำยังไงดี คือไม่ได้ต้องการจะตอบโต้ใครนะครับ ต้องมาปกป้องตัวเองว่าไม่ได้ทำ



จะฟ้องกลับไหม?

เป้ แซ็กโซโฟน : ผมไม่ได้รู้สึกว่าจะต้องฟ้องร้องอะไร แต่ว่าถ้าเขารู้สึกว่าพวกผมทำร้ายเขาจริง เขาฟ้องร้องเลยก็ได้นะครับ ไปสู้กันตรงนั้นเลยดีกว่า ไม่ต้องมาให้ข่าวกันอย่างนี้ มันเป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่ใช่จะมาดิสกันอย่างนี้



หลังจากวันนั้น ได้คุยกันบ้างไหม?

เป้ : คุยกับใครครับ เราเลิกคุยกันไป 6-7 ปีแล้วครับ แล้วก่อนที่จะมาแถลงก็ไม่ได้คุยครับ ปกติก็ไม่ได้คุยกันอยู่แล้ว คือเรื่องมันจบไปนานมาก



ถ้ามีโอกาสอยากจะคุยกับเขาไหม?

เป้ : ผมว่าจริงๆ แล้ว ถ้าเขาทำกับเราขนาดนี้ ผมว่าเขาไม่มีเจตนาดีกับเราแล้วครับ



อยากจะให้เขาหยุดไหม?

เป้ : ผมว่าผมพูดขนาดนี้แล้วครับพี่ อย่าทำร้ายผมเลยครับ จริงๆ แล้วหน้าที่ของผมเองคือทำให้คนมีความสุข โดยการทำเพลง โดยการสร้างความสุขกับทุกๆ คน ขอให้ผมได้ทำหน้าที่นี้ต่อไปเถอะครับ อย่าให้ชีวิตของผมมาทำให้ทุกคนมีความทุกข์เลย อย่าให้คนต้องมามองผมผิดในทางนี้เลยครับ



ทางวงเราจะดำเนินการยังไง?

เป้ : ก็ตอนนี้ที่ทำได้ดีที่สุดคือออกมาชี้แจงแบบนี้แหละครับ ถามว่าเราจะฟ้องร้องใครไหมผมว่าเรื่องนั้นมันเป็นเรื่องทีหลัง ถ้าสมมุติมันยังคงไม่จบหรือมีเรื่องราวต่อไปแบบนี้อีก เราคงต้องปรึกษากับทีมทนายของทางค่ายแล้วครับ ว่าจะเป็นยังไงต่อไปครับ



ผลกระทบที่หนักสุดเกิดขึ้นยังไงบ้าง?

เป้ : หลายเรื่องมากเลยครับ รอบๆ ตัวคนที่รักเราเขาแสดงความเป็นห่วงและเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก รวมถึงลูกค้าหลายๆ คนที่ทราบข่าวนี้มันส่งผลต่อเรื่องงานของพวกเราด้วย มันทำให้ภาพลักษณ์ของเราดูเสียไปเยอะเลยครับ ผมรู้สึกว่าเรื่องพวกนี้มันละเอียดอ่อน อย่างที่บอกไป ถ้าจะทำอะไรแบบนี้หรือพูดข่าวออกมา มันควรจะคุยกันสองด้านก่อน ก่อนที่จะมีสื่อออกไปแบบนี้ มันส่งผลต่อภาพลักษณ์ของพวกเรามากๆ เลยครับ





วงเราโดนแคนเซิลงานเยอะไหม?

เป้ : จริงๆ ตอนนี้ก็เริ่มมีเข้ามาแล้วครับ เพิ่งได้คุยกับทีมมาร์เก็ตติ้งก็มีแล้ว พอตอนนี้ลูกค้าเริ่มทราบเขาก็เริ่มถามว่า เคลียร์กับเรื่องข่าวที่เกิดขึ้นหรือยัง



ได้ชี้แจงกับลูกค้าบ้างรึยัง?

เป้ : ก็ได้บอกไปครับว่า วันนี้จะมีการแถลงข่าวการชี้แจงครับ



ความเสียหายเยอะไหม?

เป้ : เสียหายเยอะพอสมควรครับ

เต่า : จริงๆ เรื่องงานผมว่ามันก็ต้องมีอยู่แล้วครับ แต่เรื่องจิตใจเป็นอีกเรื่องที่ใหญ่มากกว่า บางทีการเสพข่าวแค่ฝั่งเดียวแต่ยังไม่ฟังความอีกข้าง แล้วตีความไปแล้วว่าพวกเราเป็นคนเลย มันรู้สึกกระทบจิตใจของผมมากกว่า



เป้ แซ็กโซโฟน : แล้วก็สังคมนะครับเพราะว่าเราสะสมกันมา 10 ปี เรื่องแค่นี้ทำไมที่มันไม่เป็นความจริงมันส่งผลต่อแฟนเพลงเราด้วยค่อนข้างหนักมากครับ

เต่า : จริงๆ คนที่ใกล้ชิดค่อนข้างเข้าใจนะครับ รอรับฟัง แต่คนที่ไม่ได้อยู่ใกล้ชิด เขาตัดสินเราไปเลย ตัดสินด้วยกันที่จะไม่ฟังเพลงอีกเลย

เป้ : มาด่าเสียๆ หายๆ ซึ่งบางทีเขาไม่รู้ด้วยความจริงคืออะไร อย่างที่ทราบกันดีครับทุกวันนี้ เรื่องโซเชียลบูลลี่มันมีเยอะอยู่แล้ว ทุกๆ ข่าวที่ออกไปมันส่งผลต่อเรื่องของคนเหล่านั้น มันเหมือนกลายเป็นประเด็นที่ทำให้คนเหล่านั้นไม่รู้จักเราจริงๆ ก็มาด่าเราเสียๆ หายๆ ซึ่งเรื่องบางเรื่องมันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับสิ่งที่เราทำเลย



จากการแถลงข่าววันนี้ เรามีวิธีกอบกู้ชื่อเสียงวงยังไงบ้าง?

เป้ : ผมก็ต้องฝากพี่ๆ ช่วยดูแลข่าวให้ผมหน่อยนะครับพี่ มันก็ต้องฝากไว้ที่พี่ทุกคน สุดท้ายแล้วถ้าผมพูดอะไรออกไป ผมพูดเรื่องจริงพูดในสิ่งที่ดี ถ้าพี่ๆ ช่วยผมเรื่องราวมันก็คงจะดีขึ้นครับพี่ ฝากด้วยกันนะครับ

เต่า : ผมก็ทำงานกันต่อครับ มีหน้าที่ทำเพลงให้คนมีความสุข มันเป็นหน้าที่หลักของพวกเราครับ