ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต ผู้นำฟิลิปปินส์ เป็นประธานในพิธีรับมอบระฆังโบสถ์คริสต์เก่าแก่ ที่ถูกปล้นติดมือไปเป็นของรางวัลผู้ชนะศึกสงคราม โดยทหารอเมริกันเมื่อ 117 ปีก่อน ในพิธีรับมอบคืนเมื่อวันเสาร์ (15 ธ.ค.) ที่เมืองบาแลนกีกา ในจังหวัดซามาร์ ทางภาคกลางของฟิลิปปินส์
ระฆังทองเหลือง 3 ใบ ที่ถูกเรียกขานว่า “ระฆังแห่งบาแลนกีกา” ถูกปล้นสะดมไปโดยทหารสหรัฐ เจ้าอาณานิคมฟิลิปปินส์ เมื่อปี พ.ศ. 2444 ในระหว่างการสังหารหมู่ชาวฟิลิปปินส์หลายพันคน เพื่อแก้แค้นที่ทหารสหรัฐถูกดักซุ่มโจมตีเสียชีวิต 48 นาย ระฆังทั้ง 3 ใบถูกนำกลับคืนสู่ฟิลิปปินส์ โดยเครื่องบินขนส่งลำเลียงกองทัพ ลงจอดที่สนามบินในฐานทัพอากาศ ชานกรุงมะนิลา เมื่อวันอังคาร (12 ธ.ค.) โดยมีนายเดลฟิน ลอเรนซานา รัฐมนตรีกลาโหมฟิลิปปินส์ เป็นตัวแทนรับมอบจากเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐประจำฟิลิปปินส์ ก่อนที่ระฆังจะถูกนำขึ้นเครื่องบินไปยังเมืองบาแลนกีกา
ระฆังแห่งบาแลนกีกาชุดนี้ ถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์เอกราชของฟิลิปปินส์ ต่อต้านอเมริกาอดีตเจ้าอาณานิคม การส่งคืนมีขึ้นหลังความพยายามวิ่งเต้นนานหลายสิบปี โดยชาวฟิลิปปินส์หลายภาคส่วน รวมถึงอดีตประธานาธิบดีหลายคน ตัวแทนคริสตจักร และนักประวัติศาสตร์ แต่ได้รับการปฏิเสธจากกลุ่มทหารผ่านศึกและนักการเมืองในสหรัฐ โดยอ้างว่าระฆังทั้ง 3 ใบถือเป็นรางวัลสดุดีแด่ทหารอเมริกัน 48 นายที่เสียชีวิตจากการถูกดักซุ่มโจมตี
ก่อนการส่งคืน ระฆังบาแลนกีกา 1 ใน 3 ใบ อยู่ที่ฐานกรมทหารราบที่ 9 กองทัพสหรัฐในเกาหลี ส่วนอีก 2 ใบอยู่ที่ฐานอดีตกรมทหารราบที่ 11 กองทัพสหรัฐ ในรัฐไวโอมิง แต่หลังจากการกดดันอย่างต่อเนื่องของฟิลิปปินส์ และการคัดค้านในสหรัฐน้อยลง ระฆังทั้ง 3 ใบจึงถูกส่งคืนกลับสู่โบสถ์เดิมในเมืองบาแลนกีกา
