“จุรินทร์”หวั่นเกิดพฤษภาทมิฬภาค 2

2018-12-14 16:55:04

“จุรินทร์”หวั่นเกิดพฤษภาทมิฬภาค 2

Advertisement

“จุรินทร์” ระบุ เลือกตั้งปี 2562 ภายใต้ประชาธิปไตยแค่ครึ่งใบ เหตุ คสช.ควบคุมการเลือกตั้ง ไม่ใช่ กกต. ชี้เปลี่ยนผ่านจากการยึดอำนาจด้วยกำลังไปสู่การยึดอำนาจด้วย รธน. มีโอกาสเกิด "พฤษภาทมิฬภาค 2"

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ที่เซ็นทรัลลาดพร้าว นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวในเวทีการอภิปรายเรื่อง “การเมือง เศรษฐกิจ หลังเลือกตั้ง 62” ในงาน “THAILAND Smart Money” ตอนหนึ่งว่า การเลือกตั้ง’62 ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการเปลี่ยนผ่านประเทศสู่ประชาธิปไตย แต่จะเป็นแค่การเปลี่ยนผ่านจากสถานการณ์การยึดอำนาจด้วยกำลังไปสู่การยึดอำนาจด้วยรัฐธรรมนูญที่ออกแบบมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะหรือที่เรียกกันว่าการสืบทอดอำนาจมากกว่า


“ขอย้ำว่าการเลือกตั้ง 2562 จะเป็นการเลือกตั้งภายใต้ประชาธิปไตยแค่ครึ่งใบ เพราะผู้มีอำนาจสูงสุดที่จะควบคุมการเลือกตั้งยังเป็น คสช. ไม่ใช่ กกต. และมาตรา 44 ก็ยังอยู่ตลอดการเลือกตั้ง ส.ส. การเลือกประธานสภาฯ การเลือกนายกฯ รวมไปถึงการตั้ง ครม. จะพ้นต่อเมื่อรัฐบาลใหม่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณเท่านั้น”นายจุรินทร์ กล่าว

นายจุรินทร์ กล่าวด้วยว่า สภาวการณ์เช่นนี้ยังจะอยู่ต่อไปอย่างน้อย 8 ปี หรือ 2 รัฐบาลเป็นอย่างน้อย เพราะบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญบังคับไว้ ซึ่งไม่ใช่บังคับเฉพาะเลือกตั้ง 2562 ครั้งนี้เท่านั้น แต่ยังบังคับไปถึงการเลือกตั้งครั้งถัดไปหลังจาก 4 ปีของสภาฯชุดปี 2562 อีกด้วย ซึ่งเลือกตั้งครั้งถัดไปหากอยู่ครบ 4 ปี ก็เท่ากับว่าสภาวการณ์ครึ่งใบยังสามารถอยู่ต่อไปได้ถึงอย่างน้อย 8 ปีนั่นเอง นอกจากจะมีการแก้รัฐธรรมนูญเกิดขึ้น ซึ่งก็เป็นไปได้ยาก เพราะรัฐธรรมนูญนี้กำหนดเงื่อนไขให้แก้ยากยิ่ง นอกจากใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภาแล้ว ยังต้องเห็นฟ้องต้องกันระหว่าง ส.ส รัฐบาล ฝ่ายค้าน และวุฒิสภา อีกทั้งยังต้องทำประชามติอีกด้วย การเดินหน้าสู่ประชาธิปไตยภายใต้เงื่อนไขรัฐธรรมนูญนี้จึงเป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง


ส่วนคำถามที่ว่าการเลือกตั้ง 2562 จะเป็นจุดเริ่มต้นการสร้างประเทศหรือขั้นตอนใหม่ของความขัดแย้งที่สั่งสมมาตลอด 4 ปีนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า เป็นได้ทั้ง2 อย่าง หากเลือกตั้งบริสุทธิ์ ยุติธรรม เป็นที่ยอมรับได้ของทุกฝ่าย การสร้างประเทศก็เริ่มต้นได้ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องปฏิบัติตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูปที่ คสช.บังคับไว้ ไม่งั้นจะโดนข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่มีโทษทางอาญา ส่วนจุดเริ่มต้นความขัดแย้งใหม่จะเกิดได้เมื่อมีการบังคับเลือกข้าง ข้างแพ้ไม่ยอมรับ หรือการเลือกตั้งไม่ยุติธรรม มีการโกงเลือกตั้ง ใช้อำนาจรัฐเอื้อบางพรรคการเมืองสู่การสืบทอดอำนาจ ซึ่งอาจนำไปสู่การปะทุความขัดแย้งถึงขั้นเกิดพฤษภาทมิฬ ภาค2 ได้

ส่วนคำถามเรื่องความเหลื่อมล้ำ เศรษฐกิจฝืดเคือง รวยกระจุกจนกระจายนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า ทุกคำถามที่ถามเป็นจริงทุกข้อเพราะนโยบายที่ผิดทางของรัฐบาล ทั้งนโยบายประชารัฐที่เอื้อทุนใหญ่ไม่กี่รายและนโยบายประชานิยมเรียกพี่ ที่มุ่งแต่ลด แลก แจกปลาอย่างเดียว นำไปสู่ความเหลื่อมล้ำที่ขยายตัวขึ้นจนเครดิต สวิสจัดลำดับไทยเป็นประเทศเหลื่อมล้ำที่สุดในโลก และแม้รัฐบาลจะออกมาโต้ว่าใช้ฐานข้อมูลเก่าปี 2549 เป็นฐาน แต่รัฐบาลกลับไม่บอกว่าตัวเลขการถือครองทรัพย์สินหรือความมั่งคั่งของคนรวยสุด 1% ของประเทศไทยที่ถือครองความมั่งคั่งสูงถึง 66.9%นั้น เครดิต สวิสใช้ตัวเลขการถือครองทรัพย์สินที่นิตยสาร Forbes ประเมินทุกปีรวมถึงปี 2018 นี้ด้วย