"ธนาธร" เสียดาย "อาสุริยะ" ไม่ยืนฝั่ง ปชต.

2018-12-13 18:20:30

"ธนาธร" เสียดาย "อาสุริยะ" ไม่ยืนฝั่ง ปชต.

Advertisement

"ธนาธร" เสียดาย "สุริยะ" ไม่ได้ยืนฝั่งประชาธิปไตย แม้เป็นอาหลานกัน แต่ก็คงไม่เป็นพันธมิตรทางการเมือง

เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ที่อาร์ต แกลเลอรี่ โรงละคร G23 สตูดิโอ อาคารนวัตกรรม มศว.ประสานมิตร นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ร่วมรายการ ดิ เอ๊าท์ไลน์ โดย นายสุทธิชัย หยุ่น ทั้งนี้ตอนหนึ่ง นายธนาธรได้กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของการตั้งพรรคอนาคตใหม่ ว่า ส่วนตัวสนิทกับอาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุลตั้งแต่สมัยที่อาจารย์อยู่ในกลุ่มนิติราษฎร์ นิติศาสตร์เพื่อราษฎร ส่วนใหญ่ก็จะคุยกันแต่เรื่องการเมืองเท่านั้น ไม่คุยเรื่องทั่วไปเลย ในช่วงปีที่แล้วมีการพูดคุยกันเรื่องความมืดดำของการเมืองไทย ต่างรู้สึกโกรธสังคมไทยและตั้งคำถามกันขึ้นว่า ทำไมทุกคนเฉยชา แต่ในขณะเดียวกันก็มีความหวังที่อยากเห็นสังคมไทยดีขึ้น เหมือนเป็นไฟสองดวงในจิตใจ ทั้งตัวเองและอาจารย์ปิยบุตรเห็นตรงกัน ตอนแรกก็คิดว่าจะทำไปในทิศทางงานกิจกรรมรณรงค์เพื่อสังคม เป็นการเคลื่อนไหวโดยประชาชน แต่จุดที่ตัดสินใจจะทำพรรคการเมืองก็คือ การได้รับคำปรึกษาจากผู้ใหญ่ทางการเมืองว่า หากอยากจะเปลี่ยนแปลงสังคม เปลี่ยนแปลงประเทศไทย ต้องเข้าไปอยู่ในรัฐสภา

"เมื่อคิดตัดสินใจแน่วแน่จะตั้งพรรคการเมืองก็มีคำถามต่อไปว่า พร้อมจะเลือกตั้งในช่วงนี้หรือจะรอไปสมัยหน้า คือให้ผ่านการเลือกตั้งรอบนี้ไปก่อน หลังจากนั้นก็ได้คำตอบว่า สังคมไทยรอไม่ได้อีกต่อไปสำหรับการเปลี่ยนแปลง จึงตัดสินใจตั้งพรรคการเมืองเพื่อสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ ผมถามอาจารย์ปิยบุตรว่า คุณพร้อมทำทั้งชีวิตรึเปล่า ถ้าคุณไม่ทำทั้งชีวิต ผมไม่ทำ แล้วต่างคนต่างก็ทักท้วงว่า ถ้าต้องทำมันต้องทิ้งชีวิตเลยนะ อาจารย์ปิยบุตรต้องทิ้งชีวิตในฐานะนักกฎหมาย นักวิชาการไปเลย ส่วนผมเองก็ถูกอาจารย์ปิยบุตรทักว่าต้องทิ้งธุรกิจไปเลย แต่สุดท้ายพวกเราก็มาอยู่จุดนี้ คือ พรรคอนาคตใหม่” ธนาธร กล่าว

นายธนาธร กล่าวว่า ครอบครัวที่ไม่เห็นด้วยในช่วงแรกเกี่ยวกับการที่ตัดสินใจตั้งพรรคการเมืองว่า เราไม่มีความสุข แน่นอนชีวิตส่วนตัวเรามีความสุขดี ไปเที่ยว ธุรกิจไปได้ด้วยดี ครอบครัวรักกันดี แต่เราก็ไม่มีความสุขอยู่ในใจ แล้วแม่ก็ถามคำถามที่รู้สึกแรงมากคือ ไทยซัมมิทกับประเทศไทยนั้นอะไรสำคัญกับตัวเองมากกว่ากัน ไม่กลัวเหมือนครอบครัวของนักการเมืองคนอื่นๆ งั้นหรือ โดยส่วนตัวก็แจ้งไปว่า เราไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน เราจะประกาศทรัพย์สินสู่สาธารณะเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจทางการเมือง จากนั้นทุกคนก็เห็นด้วย และความโชคดีก็คือ ครอบครัวและคนรอบตัวของเรามีแนวคิดประชาธิปไตย ทุกคนในครอบครัวไม่มีใครมีความคิดเห็นทางการเมืองตรงข้ามกับตัวเอง

นายธนาธร กล่าวถึงความความสัมพันธ์กับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ว่า เสียดายที่อาของตัวเองไม่ได้ยืนอยู่ฝั่งประชาธิปไตย อย่างไรก็แล้วแต่แม้จะเป็นอาหลานกัน แต่ก็คงไม่เป็นพันธมิตรทางการเมืองกันไปได้ แต่ส่วนตัวมันก็ไม่มีทางลบเลือนได้ เพราะก็มีความสัมพันธ์กับคุณอาตั้งแต่เด็กแล้ว ส่วนนามสกุลของเรากับภาพลักษณ์ทางการเมืองนั้นก็ไม่ได้ห่วงอะไร เพราะอาก็อธิบายกับสังคมชัดเจนแล้ว