เมื่อวันจันทร์ ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส ประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำสำหรับแรงงานที่มีรายได้น้อย และลดภาษีสำหรับลูกจ้าง ซึ่งถือเป็นการยอมอ่อนข้ออย่างมาก เพื่อหวังคลี่คลายการประท้วงรุนแรงที่ยืดเยื้อติดต่อกันมา 4 สุดสัปดาห์ สั่นคลอนอำนาจการบริหารของเขาอย่างมาก แต่เขาปฏิเสธที่จะผ่อนปรน กลับไปใช้ฐานภาษีเดิมสำหรับผู้มีฐานะร่ำรวย
ในการกล่าวปราศรัยผ่านการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ครั้งแรกของเขาตั้งแต่การประท้วงที่เลวร้ายที่สุดในฝรั่งเศสในรอบหลายปี ในช่วง 2 สุดสัปดาห์หลังสุด นายมาครงยอมรับว่า ฝรั่งเศสอยู่ในภาวะฉุกเฉินทางเศรษฐกิจ พร้อมทั้งเรียกร้องให้สนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศ ขณะที่เขาพยายามที่จะรื้อฟื้นความสงบเรียบร้อยและตอบโต้หลังมีข้อกล่าวหาว่า แนวทางการบริหารประเทศและนโยบายเศรษฐกิจของเขา ทำให้ประเทศเกิดความแตกแยก
คำปราศรัยของเขามีขึ้นหลังการประท้วงรุนแรงติดต่อกัน ซึ่งเริ่มต้นมาจากการประกาศปรับขึ้นภาษีน้ำมันเชื้อเพลิง และลุกลามกลายเป็นความไม่พอใจครั้งใหญ่ต่อนโยบายเศรษฐกิจของเขา ซึ่งกลุ่มผู้ประท้วงที่เรียบตัวเองว่า “เสื้อกั๊กเหลือง” บอกว่า เป็นการสนับสนุนเฉพาะคนร่ำรวย
นายมาครง ประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 100 ยูโร (113 ดอลลาร์สหรัฐ) หรือประมาณ 3,736 บาท ต่อเดือน ซึ่งจะเริ่มในปีหน้า พร้อมทั้งให้คำมั่นว่าจะยกเลิกภาษีรายได้จากการทำงานล่วงเวลา หรือโอเวอร์ไทม์ และยกเว้นภาษีเป็นกรณีพิเศษสำหรับประชาชนที่มีรายได้ร้อยละ 2,000 ยูโร หรือประมาณ 74,734 บาท ต่อเดือน ขณะเดียวกัน นายจ้างก็จะถูกร้องขอให้จ่ายโบนัสสิ้นปีให้ลูกจ้างโดยที่ไม่มีการหักภาษีเช่นกัน