สถาบันพระปกเกล้าเผยผลสำรวจประชาชนร้อยละ 55.2 ยังเข้าใจว่าต้องกาบัตรเลือกตั้ง 2 ใบเช่นเดิม ไม่รู้ว่าบัตรเลือกตั้งมีเพียงใบเดียว
เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. ศ.วุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า เผยผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง “ประชาชนพร้อมหรือยังกับการเลือกตั้ง” โดยสอบถามความเห็นของประชาชน 1,540 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 5- 7 ธ.ค. พบว่า ประชาชนร้อยละ 59.1 ทราบว่า ส.ส.แบบแบ่งเขตมีจำนวน 350 คน ร้อยละ70.5 ทราบว่า ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อมีจำนวน 150 คน แต่เมื่อพิจารณาในรายละเอียดจำแนกตามภาค พบว่า ประชาชนใน กทม.ร้อยละ 84.8 มีความเข้าใจประเด็นเรื่องจำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อมากกว่าภาคอื่น
เมื่อสอบถามเกี่ยวกับบัตรเลือกตั้งพบว่า ประชาชนร้อยละ 55.2 ยังเข้าใจว่าต้องกาบัตรเลือกตั้ง 2 ใบเช่นเดิม ซึ่งประชาชนทุกภาคเกินร้อยละ 50 ยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับจำนวนบัตรเลือกตั้งที่จะใช้ครั้งหน้า ยกเว้นประชาชนใน กทม. ร้อยละ 75.0 เข้าใจว่า มีการเปลี่ยนแปลวเกี่ยวกับจำนวนบัตรเลือกตั้งระบบใหม่
ส่วนการไปใช้สิทธิ์และการตัดสินใจเลือก ส.ส.แบบแบ่งเขตในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พบว่าร้อยละ83.5 ระบุว่าได้ออกไปใช้สิทธิลงคะแนน ส่วนปัจจัยในการเลือกร้อยละ 41.9เนื่องจากดูจากนโยบายพรรคที่ใช้หาเสียง ร้อยละ30.7ดูจากตัวผู้สมัคร ร้อยละ19.4 ดูจากจากพรรคที่สังกัด และร้อยละ8 ดูจากชื่อผู้นำพรรคที่ชูเป็นนายกรัฐมนตรี
สำหรับความตั้งใจในการออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งหน้า พบว่า ประชาชนร้อยละ90.8 ตอบว่าจะออกไปใช้สิทธิอย่างแน่นอน มีเพียง 7.6ที่ตอบว่า ไม่แน่ใจ และร้อยละ1.6เท่านั้น ที่ตอบว่าจะไม่ไปใช้สิทธิอย่างแน่นอน เมื่อถามว่าการที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้พรรคการเมืองประกาศรายชื่อบุคคลที่จะเห็นสมควรเป็นายกรัฐมนตรี จะมีผลต่อการตัดสินใจเลือกส.ส.หรือไม่ ปรากฎว่าประชาชนถึงร้อยละ53.8 ตอบว่ามีผลอย่างมาก
ศ.วุฒิสาร ระบุว่า จากผลสำรวจดังกล่าว ประชาชนยังคงไม่รู้ว่าบัตรเลือกตั้งมีเพียงใบเดียว ซึ่งเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และหน่วยงานที่รับผิดชอบต้องตรวจสอบว่า เรื่องดังกล่าวจะมีผลอะไรหรือไม่ ส่วนประเด็นบัตรเลือกตั้งที่จะไม่มีโลโก้นั้น ต้องไปพิจารณาข้อกฎหมาย ส่วนตัวมองว่าพรรคใหม่ ตนยังจำโลโก้พรรคไม่ได้เลย ซึ่งก็คิดว่าประชาชนก็สับสนเหมือนกัน อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังพอมีเวลาอยู่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีการลงพื้นที่สร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชน และพรรคการเมืองก็ต้องหาวิธีทำให้ประชาชนเข้าใจ