เจ้าหน้าที่รัฐบาลฝรั่งเศส เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า มีผู้ถูกจับกุมมากกว่า 1,700 คนทั่วฝรั่งเศส ระหว่างการประท้วงของกลุ่ม “เสื้อกั๊กเหลือง” ขณะที่กลุ่มผู้ประท้วงที่ปะทะกับตำรวจปราบจลาจล ทำให้กรุงปารีส ได้รับความเสียหายมากกว่าเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน รัฐมนตรีคลังยอมรับว่า นี่คือหายนะต่อเศรษฐกิจของประเทศ
การปะทะกันปะทุขึ้นในกรุงปารีส และอีกหลายเมือง ซึ่งรวมถึงเมืองมาร์กเซย, บอร์กโดซ, ลียง และตูลูส ระหว่างการประท้วงในช่วงสุดสัปดาห์ที่ 4 ทั่วประเทศ เพื่อต่อต้านค่าครองชีพแพง และประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ซึ่งผู้ประท้วงบริเวณถนนฌ็องเซลิเซ่ ต่างตะโกนให้เขาลาออกจากตำแหน่ง
กระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศส แถลงว่า ผู้ถูกจับจำนวน 1,220 คนจากทั้งหมด 1,723 คน ถูกสั่งให้คุมขัง ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจในกรุงปารีส แถลงว่า พวกเขาจับกุมผู้ประท้วง 1,082 คนเมื่อวันเสาร์ เพิ่มจาก 412 คน จากการประท้วงสัปดาห์ก่อน
กระทรวงมหาดไทย ระบุว่า มีผู้ประท้วงประมาณ 136,000 คน เข้าร่วมการประท้วงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาทั่วฝรั่งเศส ซึ่งเป็นจำนวนที่ใกล้เคียงกับการประท้วงเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา แต่ในกรุงปารีสได้รับความเสียหายและเกิดความรุนแรงมากที่สุด เนื่องจากผู้ประท้วงเผารถยนต์หลายคัน, เผาแผงกั้น และทุบทำลายหน้าต่างของห้างร้านธุรกิจต่าง ๆ สร้างความเสียหายมากกว่าการประท้วงเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม
ด้านบรูโน เลอ แมร์ รัฐมนตรีคลังฝรั่งเศส กล่าวว่า การประท้วงของกลุ่มเสื้อกั๊กเหลือง “สร้างความหายนะ” ต่อเศรษฐกิจฝรั่งเศส หลังจากก่อความรุนแรงจากการประท้วงการขึ้นภาษีน้ำมันเชื้อเพลิง, ค่าครองชีพสูง และปัญหาอื่น ๆ เขายังเรียกสถานการณ์นี้ว่า “วิกฤต” ต่อทั้งสังคมและประชาธิปไตย ซึ่งเขากล่าวระหว่างตรวจสอบร้านค้าในกรุงปารีสที่ได้รับความเสียหายจากการประท้วง
คาดว่า ประธานาธิบดีมาครง จะประกาศมาตรการหยุดยั้งวิกฤตในการกล่าวปราศรัยต่อประชาชนทั่วประเทศในวันจันทร์