ผกก.เมืองคอนคุม “ไอ้ทิศ หน้าถ้ำ” จอมโหดบุกทุบหัวครูเกษียณ คุณป้านายกสมาคมกำนัน ฯปท.ปางตายชิงทรัพย์ไปทำแผนในที่เกิดเหตุท่ามกลางญาติ ๆ ของผู้เสียหายและชาวบ้าน-อ้างก่อเหตุหาเงินซื้อยานรกและทุบตีทารุณเพราะผู้เสียหายต่อสู้ขัดขืน
จากกรณีที่นายยงยศ แก้วเขียว นายกสมาคมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านแห่งประเทศไทย เข้าร้องเรียนศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อขอให้ช่วยติดตามความคืบหน้าในคดีที่คนร้ายบุกทำร้ายนางบุญนำ แก้วเขียว อายุ 80 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 ซอยพระอุมา ถนนราชดำเนิน ต.ในเมือง อำเภอเมือง จ. นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นป้าของตนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนชิงทรัพย์แล้วหลบหนีไป เหตุเกิดในช่วงเวลาประมาณ 9.30-10.30น ของวันที่ 5 ธ.ค. 2561 ซึ่งถือเป็นการกระทำที่อุกอาจก่อเหตุใจกลางเมือง และได้แจ้งความกับ พ.ต.ท จริญ ขาวเอี่ยม สว.(สอบสวน) สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2561 ที่ผ่านมา และนายยงยศ รวมทั้งญาติ ๆ สงสัยว่าคนร้ายน่าจะเป็นคน ๆ เดียวกับที่ยกตู้เซฟเก็บเงินของวัดเสมาเมืองที่อยู่ตรงข้ามบ้านเกิดเหตุ ซึ่งมีการนำคลิปไปเผยแพร่ในโลกโซเชียล จนล่าสุดเมื่อวานเย็นวานนี้ (8 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่สามารถบุกจับกุมคนร้ายได้แล้วทราบชื่อนายอาทิตย์ แก้วมี หรือ “ทิศ หน้าถ้ำ” ซึ่งเป็นคนที่มาเช่าบ้านอยู่หลังบ้านนางบุญนำ ผู้บาดเจ็บ ตามที่เสนอข่าวมาแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 9 ธ.ค. พ.ต.อ.อดิศักดิ์ เทพวรรณ์ ผกก.สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.วันชัย สุวรรณรัตน์ สว.สส.สภ.เมือง เบิกตัวนายอาทิตย์ แก้วมี หรือ “ทิศ หน้าถ้ำ” อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 52/9 หมู่ 8 ต.นาเหรง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช มาทำการตรวจปัสสาวะพบว่าปัสสาวะสีม่วงเพราะมีสารเสพติดแอมเฟตามีนในกระแสเลือด โดยนายอาทิตย์ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าตระเวนก่อเหตุเพื่อหาเงินมาซื้อยาเสพติด
หลังจากนั้นกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายอาทิตย์ หรือ “ทิศ หน้าถ้ำ”ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเกตุข้างแฟลตที่พักเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง (แฟลตราชสีห์) ซอยพระอุมา ถนนตรงวัดเสมาเมือง ต.ในเมือง อ.เมือ จ.นครศรีธรรมราช โดยมีนายยงยศ แก้วเขียว นายกสมาคมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านแห่งประเทศไทย หลานของนางบุญนำ ผู้บาดเจ็บนายเอกราช แก้วเขียว หัวหน้าฝ่ายสหกิจศึกษามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ลูกชาย และลูก ๆ หลาน ๆ ของนางบุญนำรวมทั้งชาวบ้านที่ทราบข่าวแห่เดินทางมามุงดูการทำแผนจำนวนมาก แต่งสาปแช่งคนร้ายรายนี้อย่างหนัก เนื่องจากกระทำการอุกอาจและโหดเหี้ยมทั้ง ๆ ที่นางบุญนำ เป็นผู้สูงอายุและใจบุญสุนทาน ซึ่งในขณะที่ทำแผนพบว่าสุนัขตัวหนึ่งที่นางบุญนำ เลี้ยงไว้ นอนหมอบอยู่ใต้เก้าอี้พลาสติกตัวที่นางบุญมา นั่งเป็นประจำด้วยอาการเศร้าสร้อยและไม่ยอมลุกหนีไปไหน เจ้าหน้าที่ใช้เวลาการทำแผนในที่เกิดเหตุประมาณ 20 นาทีจึงควบคุมตัวนายอาทิตย์ ผู้ต้องหากลับไปสอบสวนขยายผลที่โรงพัก
