ฝรั่งเศสควบคุมสถานการณ์ ม็อบ “เสื้อกั๊กเหลือง” หลังปะทะเดือด

มาตามนัดกลุ่มผู้ประท้วง “เสื้อกั๊กเหลือง” กว่า 125,000 คน ออกมาชุมนุมและก่อความรุนแรงทั่วประเทศ โดยเฉพาะในกรุงปารีส ทั้งปล้นสะดม เผารถยนต์ ทำลายอาคารร้านค้า มีการปะทะกับเจ้าหน้าที่ดุเดือดและรุนแรง ถูกจับกุมมากกว่า 1,000 คน และบาดเจ็บกว่า 100 คน แต่เจ้าหน้าที่ก็ควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้

กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่เรียกตัวเองว่า “เสื้อกั๊กเหลือง” กว่า 125,000 คน ออกมาชุมนุมประท้วงทั่วฝรั่งเศส ซึ่งรวมทั้ง 10,000 คนในกรุงปารีส เมืองหลวงด้วยเมื่อวันเสาร์ โดยเฉพาะในกรุงปารีส กลุ่มผู้ประท้วงเผชิญหน้ากับตำรวจปราบจลาจล ขว้างปาสิ่งของเข้าใส่, เผารถยนต์หลายคัน และปล้นสะดมทำลายห้างร้านธุรกิจ และร้านอาหารในการประท้วงรุนแรงสุดสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน สั่นคลอนรัฐบาลของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง

ตำรวจต้องยิงแก๊สน้ำตาและปืนฉีดน้ำแรงดันสูงเข้าใส่ผู้ประท้วงตามท้องถนนฌ็อง เซลิเซ่ แต่รายงานของรอยเตอร์บอกว่า การเผชิญหน้ากันครั้งนี้ ความรุนแรงน้อยกว่าเมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งผู้เห็นเหตุการณ์บอกว่า ในกรุงปารีสรุนแรงที่สุดตั้งแต่นักศึกษาก่อเหตุจลาจลในปี 2511

พอตกค่ำ ผู้ประท้วงจำนวนมากก็เริ่มเดินทางกลับบ้าน นายคริสโตฟ แคสตาแนร์ รัฐมนตรีมหาดไทยฝรั่งเศส กล่าวว่า มีผู้ประท้วงประมาณ 10,000 คน ในกรุงปารีสในช่วงเย็น และทั่วประเทศมีประมาณ 125,000 คน รวมทั้งในเมืองบอร์กโดซ์, ลียง, ตูลูส และอีกหลายเมือง ซึ่งก็มีการปะทะกันเช่นกัน

นายแคสตาแนร์ กล่าวแถลงข่าวร่วมกับนายกรัฐมนตรีเอดูอาร์ด ฟิลิปเป ว่า ขณะนี้ สถานการณ์อยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว มีผู้ประท้วงประมาณ 120 คน และตำรวจอีกเกือบ 20 นาย ได้รับบาดเจ็บทั่วประเทศ และมีผู้ประท้วงเกือบ 1,000 คน ซึ่งรวมทั้งในกรุงปารีส 620 คน ถูกจับกุมตัว หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบอาวุธสารพัดชนิดจำนวนมาก เช่นค้อนและไม้เบสบอลในตัวของพวกเขา ส่วนนายฟิลิปเป กล่าวว่า ตำรวจจะยังคงตรึงกำลังเฝ้าระวังตลอดทั้งคืน เพราะยังมีผู้ประท้วงบางกลุ่มตระเวนไปทั่วเมืองอยู่

ยังมีรายงานด้วยว่า มีกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งส่วนใหญ่สวมหน้ากากปิดบังใบหน้า ปะทะกับตำรวจในพื้นที่จัตุรัสปลาซ เดอ ลา รีพับลิค ซึ่งมีร้านค้าหลายร้านถูกปล้น