พปชร.เห็นชอบทำไพรมารีโหวตนายกฯ

นายสนธิรัตน์ กล่าวด้วยว่า ในห้วงเวลานี้ตนใช้เวลาการทำงานส่วนใหญ่ในต่างประเทศแทบทุกสัปดาห์เนื่องจากขณะนี้ทุกคนทราบดีว่าปัญหาเศรษฐกิจระหว่างประเทศต้องได้รับการทุ่มเทในการแก้ปัญหาการแข่งขันทางการค้าโลก และที่สำคัญเวลาเจรจากับต่างประเทศ ไม่ว่าประเทศใดเขาจะพูดคุยกับรัฐมนตรีว่าการเท่านั้น ดังนั้นตราบใดที่ตนยังอยู่ในตำแหน่งสามารถเจรจาได้ตลอด เพราะไม่เช่นนั้นถ้าตนไม่อยู่เกิดสูญญากาศอีก 5 เดือนแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ตรงนี้คือความลำบากใจ ดังนั้นตนถึงพูดอยู่เสมอว่า การตัดสินใจใดๆ ต้องมองหลายปัจจัยอย่ามองที่การเมืองเพียงอย่างเดียว เพราะถ้ามองแบบการเมืองเขาก็ต้องให้ตนออก แต่อีกทางหนึ่งก็ต้องมองด้วยว่า เวลานี้เราอยู่ตรงนี้เป็นประโยชน์หรือไม่ อยากให้เข้าใจที่พูดอย่างนี้ ถ้าเราออกนั้นมันง่าย แต่ส่ิงที่เราต้องทำนั้นมันมาก บางคนอาจถามว่าแล้วคนอื่นทำไม่ได้เหรอ ก็นี้มันปลายรัฐบาลแล้วจะไปทำอะไร จะให้ปรับครม.อย่างนั้นเหรอ ปรับคนใหม่แล้วจะมีเวลาหรืออย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามถึง ผู้ที่พรรคจะเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีในบัญชี พปชร.นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ตนได้เสนอต่อคณะกรรมการบริหารพรรคแล้ว ให้ทำไพรมารีโหวต กับรายชื่อที่เหมาะสมจะเป็นนายกรัฐมนตรีโดยให้สมาชิกพรรคทั่วประเทศ แสดงความคิดเห็น เพราะคนที่จะได้รับเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกพรรค ซึ่งทางกรรมการบริหารพรรคก็เห็นด้วย หรือถ้าทำได้ดีกว่านั้นก็อยากให้รับฟังเสียงประชาชนจากทั่วประเทศด้วยซ้ำ ว่าถ้าพรรคพลังประชารัฐมีผู้ที่เหมาะสมจะเป็นนายกรัฐมนตรีตามรายชื่อดังนี้ ประชาชนจะคิดว่าใครเหมาะสมสุด เพราะพรรคนี้เป็นของประชาชน ต้องฟังเสียงประชาชน ส่วนจะเสนอกี่ชื่อขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรค เมื่อได้รายชื่อผู้ที่เหมาะสมแล้ว ถึงจะไปทาบทาม