นายจอร์จ เอช.ดับเบิลยู. บุช อดีตประธานาธิบดีคนที่ 41 ของสหรัฐอเมิรกา ถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบ ที่เมืองฮุสตัน รัฐเทกซัส เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 30 พ.ย. ที่ผ่านมา หลังต่อสู้กับอาการป่วยเรื้อรังหลายโรค มาเป็นเวลานาน สิริรวมอายุได้ 94 ปี เสียงยกย่องสรรเสริญหลั่งไหลจากทั่วโลก ขณะที่ บรรดาผู้นำโลกต่างแสดงความรำลึกและให้เกียรติอดีตผู้นำสหรัฐผู้นี้ ในฐานะที่เขาเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยยุติสงครามเย็น และลดภัยคุกคามจากการทำลายล้างของอาวุธนิวเคลียร์
บุช ซีเนียร์ ไม่ใช่ประธานาธิบดีสหรัฐคนแรก ที่รับราชการทหารในช่วงเกิดศึกสงคราม แต่เขามีภาพความทรงจำเป็นเอกลักษณ์ จากการทิ้งเครื่องบินที่ขับขี่ลงในมหาสมุทรแปซิฟิก เมื่อปี พ.ศ. 2487
ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อดีตประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนเนดี นำเรือยนต์บรรทุกลูกน้องไปสู่ที่ปลอดภัย หลังจากเรือถูกเรือพิฆาตกองทัพญี่ปุ่นชน ล่มในมหาสมุทรแปซิฟิก
ในสงครามเดียวกัน แต่อีกฟากของมหาสมุทรกว้างใหญ่ไพศาล นักบินหนุ่มวัย 20 ปีของกองทัพเรือสหรัฐ จอร์จ เฮอร์เบิร์ต วอล์คเคอร์ บุช ได้รับเหรียญกล้าหาญดีเอฟซี (Distinguished Flying Cross) จากเหตุการณ์เฉียดตายขณะปฏิบัติหน้าที่
![](http://newtv.co.th/images/content/ct_20181202112715280.png)
บุช ซีเนียร์ สมัครเข้าเป็นทหารสังกัดกองทัพเรือเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2485 หนึ่งวันหลังจากฉลองวันเกิดครบรอบ 18 ปี กองทัพญี่ปุ่นบุกโจมตีอ่าวเพิร์ล ฮาร์เบอร์ 6 เดือนก่อนหน้านั้น และเขาเพิ่งเรียนจบจากวิทยาลัยแอนโดเวอร์
หลังเสร็จการฝึกอบรมการบินเบื้องต้น หลักสูตร 10 เดือน ที่มหาวิทยาลัยนอร์ธแคโรไลนา บุช ซีเนียร์ ได้รับมอบหมายทำหน้าที่นายธง ในกองกำลังสำรองกองทัพเรือสหรัฐ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2486 ซึ่งขณะนั้นเขาเป็นนักบินอายุน้อยที่สุดของกองทัพเรือสหรัฐ
3 เดือนต่อมาเขาถูกส่งไปแปซิฟิก ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ช่างภาพของหน่วยตอร์ปิโด วีที-51 ก่อนจะย้ายไปอยุ่เรือบรรทุกเครื่องบินเบา ยูเอสเอส ซานจาซินโต ในฤดูใบไม้ผลิตปี 2487 ซึ่งการย้ายมาอยู่เรือบรรทุกเครื่องบิน เกิดขึ้นในขณะที่เกิดการรบดุเดือดนองเลือดที่สุดครั้งหนึ่ง ขณะที่กองทัพญี่ปุ่นบุกปูพรมตอนเหนือของแปซิฟิก การยิงปะทะกับทหารสหรัฐทำให้เกิดการสูญเสียอย่างมหาศาล
บุช ซีเนียร์ เข้าร่วมสงครามเวลาหาครั้งใหญ่สุดครั้งหนึ่งของสงครามโลกครั้งที่ 2 บนน่านฟ้าเหนือหมู่เกาะมาเรียนา ในเดือน มิ.ย. 2487
![](http://newtv.co.th/images/content/ct_20181202112715743.png)
1 ส.ค. 2487 บุช ซีเนียร์ ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นยศเรือโท ประจำเรือยูเอสเอส ซาน จาซินโต เริ่มปฏิบัติการต่อต้านกองทัพลูกพระอาทิตย์ ในหมู่เกาะโบนิน ประมาณ 600 ไมล์ทางตะวันตกเแยงใต้ของแผ่นดินใหญ่ญี่ปุ่น
2 ก.ย. 2487 บุช ซีเนียร์ ขับเครื่องบินทิ้งระเบิดเบา อเวนเจอร์ 1 ในฝูง 4 ลำ ไปโจมตีสถานีวิทยุญี่ปุ่นบนเกาะชิ ชิ แต่ในระหว่างการโจมตีทิ้งระเบิด เครื่องบินทั้ง 4 ลำโดนทหารญี่ปุ่นระดมยิงใส่ด้วยปืนต่อสู้อากาศยานเป็นห่าฝน เครื่องบินของบุชถูกยิง เครื่องยนต์ลุกเป็นไฟ แต่เขาทิ้งระเบิดจนเสร็จ และระเบิดทำลายเป้าหมาย
บุช ซีเนียร์ เผยถึงเหตุการณ์ในเวลาต่อมาว่า "เราได้รับการฝึกให้ทำภารกิจให้เสร็จ ไม่ว่าจะมีอุปสรรคมากน้อยแค่ไหนก็ตาม" หลังจากถูกปืน ปตอ.ญี่ปุ่นอย่างจัง เครื่องบินของเรือโทบุชบินต่อไปในทะเลได้อีกหลายพันไมล์ ก่อนที่เขาและลูกเรืออีกคนจะดีดตัวออกจากเครื่อง
แต่เพื่อนร่มชูชีพไม่กาง ตกทะเลเสียชีวิต และลูกเรือรายที่ 3 ของเครื่องก็สูญหาย บุช ซีเนียร์ ตกลงในทะเลและรอนานราว 4 ชั่วโมง ในเรือแพยางชูชีพ ขณะที่เครื่องบินรบสหรัฐหลายลำบินวนเวียนเหนือท้องฟ้าคอยคุ้มกัน เขาได้รับการช่วยเหลือดึงขึ้นจากแพยางโดยลูกเรือดำน้ำ ยูเอสเอส ฟินแบค
การช่วยเหลือบุช ซีเนียร์ ขึ้นจากทะเลถูกบันทึกเป็นภาพยนตร์ไว้โดยนายทหารยศเรือโท ลูกเรือดำน้ำ และภาพยนตร์ม้วนนี้บุชได้นำมาเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี จนทำให้นักการเมืองฝ่ายตรงข้ามโจมตี ปฏิบัติการเฉียดตายครั้งนี้ทำให้บุชได้รับเหรียญกล้าหาญดีเอฟซี ซึ่งเป็นหนึ่งในเหรียญรางวัลสูงสุดของประเทศ
เขายังอยู่บนเรือฟินแบคอีก 1 เดือน หลังได้รับการช่วยเหลือ และช่วงนั้นเรือดำน้ำลำนี้ถูกเรือพิฆาตของญี่ปุ่นโจมตีอย่างหนัก ลูกเรือฟินแบคช่วยเหลือนักบินสหรัฐที่เครื่องบินถูกยิงตกอีกหลายคน ตลอดภารกิจช่วงสั้น ๆ แต่รบดุเดือดในสงครามโลกครั้งที่ 2 ของ บุช ซีเนียร์
เขาขับเครื่องบินออกปฏิบัติการรวม 58 เที่ยว นอกจากดีเอฟซีแล้วเขายังได้รับเหรียญกล้าหาญอื่น ๆ อีก ต่อมาบุช ซีเนียร์ กลายเป็นครูฝึกนักบิน ก่อนจะปลดประจำการในเดือน ก.ย. 2488 และลาออกจากกองทัพเรืออย่างเป็นทางการในปี 2498 ซึ่งขณะนั้นเขาเรียนจบจากมหาวิทยาลัยเยล และกลายเป็นนักธุรกิจน้ำมันที่ประสบความสำเร็จของรัฐเทกซัส เตรียมพร้อมที่จะหันเหชีวิตเข้าสู่วงการเมืองตามที่ใฝ่ฝัน